24 ก.ย. 2564

1519

เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO” by seo-winner.com

เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO”

เป้าหมายสูงสุดของการสร้างแคมเปญโฆษณาสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ ก็คือ การที่จะทำให้ลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อสินค้าของเราได้ทันที ซึ่งการเขียน Copywriting หรือการเขียนโฆษณาที่ดี เป็นอีกวิธีการที่จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้ 

และถ้าหากคุณกำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้ ที่เขียน Copywriting ยังไงก็ไม่มีคนอ่าน มีคนอ่าน แต่ไม่มีคนซื้อ ไม่ส่งผลให้เกิดยอดขายได้ เราจึงนำบทความในวันนี้มาแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ทุกคนกันค่ะ นั่นก็คือ การเขียนข้อความดึงดูดให้คนตัดสินใจ “ซื้อ” ได้ง่ายมากขึ้น จากเทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO” ค่ะ

FOMO คืออะไร? “FOMO” ย่อมาจาก “Fear of Missing Out” หรือความรู้สึกกลัว อาการของคนที่กลัวว่าจะพลาดบางสิ่งบางอย่างไป และจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะความกลัวเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ แต่ความกลัวในรูปแบบนี้เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อ social media เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน 

FOMO เป็นจิตวิทยาที่สามารถทำให้ผู้คนตัดสินใจทำบางสิ่งเช่น ซื้อสินค้า ลงทะเบียน หรือคลิก ในช่วงขณะนั้นได้ ในแง่ธุรกิจ SMEs ก็สามารถที่จะใช้ประโยชน์จาก FOMO ในการทำการตลาดดิจิทัลได้เช่นกัน โดยการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ต้องการพลาด หรือปล่อยให้โอกาสให้หลุดมือไป เราจะเห็นไวรัลแคมเปญต่างๆ ที่มักจะกระตุ้นให้ลูกค้าเห็นว่าคนรอบตัวซื้อสินค้านี้แล้วตนเองก็ต้องซื้อด้วย 

เทคนิคทางการตลาดที่เรียกว่า “FOMO” มีทั้งหมด 9 ข้อ มาดูกันเลยค่ะ  

  • 1.ใช้เงื่อนไขเรื่องเวลา

การตั้งเงื่อนไขเรื่องของเวลาสามารถกระตุ้นการตัดสินใจด้วยความกดดันภายใต้เวลาที่กำหนดได้ การจัดแคมเปญต่างๆ จำเป็นที่จะต้องกำหนดเรื่องของเวลาจริงๆ ห้ามต่อระยะเวลาเด็ดขาด เพราะลูกค้าจะคิดว่าเป็นการหลอกลวง อาจส่งผลต่อเสียชื่อเสียงของแบรนด์ได้ เช่น มอบส่วนลด 20% หากสั่งซื้อภายใน 48 ชั่วโมง หรือจัดส่งฟรีในเดือนนี้เท่านั้น พอหมดเวลา ข้อเสนอก็จะหมดไปทันที

  • 2. พลังของ Influencers

คำพูดของผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดในโลกโซเชียลสามารถกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี การใช้ Influencers จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Instagram นอกจากนี้ยังสามารถนำคำพูดของ Influencers ไปใช้ในช่องทางอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น เอาไปใช้ในหน้า Page หรือ ในคลิป video โปรโมท และอื่น ๆ

  • 3. เสียงตอบรับหรือรีวิวจากลูกค้า และข้อมูลทางวิชาการ 

ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด แต่ต้องนำไปใช้ในเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะใช้ช่วง the bottom of the funnel เพราะลูกค้าค่อนข้างพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อ ในสถานการณ์ที่มีการแย่งกันซื้อสินค้าหรือของกำลังจะหมด สถานการณ์เหล่านี้มีนัยว่ามีบางสิ่งเป็นที่นิยมชมชอบของคนอื่น ๆ ถ้าไม่เลือกรีบซื้ออาจพลาดสิ่งดี ๆ ไปก็ได้ สิ่งนี้สามารถกระตุ้น FOMO ได้ดีทีเดียว

  • 4. ขายสินค้าหรือบริการแบบควบรวม

การจัดแพ็ครวมสินค้าหรือบริการได้รับความนิยมมากในหลายธุรกิจ เช่น การขายพ่วงในธุรกิจโทรคมนาคม บริการอินเทอร์เน็ต รวมถึงบริการทีวีแบบรับสมาชิกหรือ Cable TV หรือการเสนอให้ลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต หรือสินเชื่อสวนบุคคล ควบคู่กับการขายหน่วยลงทุนหรือประกันภัยของธุรกิจธนาคาร การจัดแคมเปญขายสินค้าในลักษณะควบรวม ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายน้อยลงกว่าเดิม และยังสามารถนำกลยุทธ์เรื่องของเวลาเข้ามาใช้ร่วมด้วยก็ได้

  • 5. ภาษากระตุ้นยอดขาย 

ภาษามีความสำคัญอย่างมาก ในการสร้างความรู้สึกต่อ FOMO เมื่อต้องการให้ลูกค้ารู้สึกว่าเวลากำลังจะหมดไปและกำลังจะสูญเสียข้อเสนอที่น่าสนใจ อาจใช้คำที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกได้ เช่น อย่าพลาด ของมีจำนวนจำกัด ทุกชิ้นราคาเดียว โอกาสทองใกล้หมดแล้ว ลดสุดขีด ลดล้างสต๊อค ฯลฯ เป้าหมายคือการส่งสารว่าหากลูกค้าไม่ทำอะไรตอนนี้ พวกเขาจะเสียใจกับการตัดสินใจนั้น

  • 6. กระจายช่องทางเผยแพร่ การตลาดแบบ FOMO ไม่ได้เพียงแค่ส่งเสริมการขาย

ยังมีประโยชน์ในการสร้างแบรนด์ได้อีกด้วยโดยเฉพาะหากใช้วิธีการหลอมรวมช่องทางการสื่อสาร แบบ omnichannel เช่น ส่งอีเมลเพื่อโปรโมตช่องทางพอดคาสต์ โดยมีโปรโมชั่นพิเศษในพอดคาสต์เท่านั้น ไม่สามารถเห็นได้จากที่อื่น การเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ กัน จะช่วยสร้างผู้ติดตาม ในหลายช่องทาง และช่วยสร้างการจดจำแบรนด์และความภักดีได้อีกด้วย

  • 7. ข่าวสารเฉพาะกับกลุ่ม 

ใครว่าลีดต้องเป็นแค่ลีดตลอดไป เราสามารถเปลี่ยนพวกเขาได้ ด้วยการเสนอคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ให้แก่กลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นลูกค้า แต่เป็นการให้ในจำนวนจำกัด แม้ต้องการใช้การตลาดแบบ FOMO เพื่อสร้างลีดมากกว่าการขาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจออกมาเหมือนกันได้

  • 8. เสียงจาก UGC 

แม้ว่าการรีวิว เสียงตอบรับ Influencers หรือสิ่งที่เรียกว่า social proof จะมีอิทธิพลต่อลูกค้าหรือผู้บริโภค แต่ก็ไม่ควรมองข้ามกลุ่มผู้ติดตามที่ยินดีสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์ ของคุณหรือที่เรียกว่า UGC (User Generated Content) ผู้ติดตามเหล่านี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า หรือไกลกับลูกค้าเหมือนดาราและ Influencers ตรงกันข้ามพวกเขาใกล้ชิดเป็นเพื่อน หรือคนในครอบครัวเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเสียงของผู้ติดตามเหล่านี้มีความน้ำหนักอย่างมากต่อความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย สามารถนำไปใช้เพื่อการตลาดแบบ FOMO ได้เช่นกัน

  • 9. ใช้ Pop-Up คูปอง  

อีกหนึ่งวิธีที่ดีในการสร้าง FOMO ให้กับผู้คนคือการใช้คูปองแบบ Pop-Up ที่จะให้โอกาสแค่ครั้งเดียว ซึ่งอาจเป็นการให้ส่วนลดหรือมอบสิทธิพิเศษอื่น ๆ ป๊อปอัปคูปองมักจะปรากฏขึ้น เมื่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณกำลังปิดแท็บหรือหน้าต่างเบราว์เซอร์ ไม่ควรพลาดที่จะใช้วิธีนี้ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้รู้ว่าพวกเขาได้รับโอกาสที่ดีแล้ว

FOMO marketing จะใช้ได้ผลจริงจำเป็นต้องกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเร่งตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากวางแผนโปรโมทดี ๆ กลยุทธ์ FOMO จะช่วยการขายได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

บทความ

อนาคตของ SEO: แนวโน้มและการคาดการณ์

อนาคตของ SEO: แนวโน้มและการคาดการณ์

การทำ SEO เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีการปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาของตนให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ของธุรกิจขึ้นอันดับบนผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google หรือ Bing ... อ่านเพิ่มเติม

ข้อดีข้อเสียของการสร้างเนื้อหา AI

ข้อดีข้อเสียของการสร้างเนื้อหา AI

Content (เนื้อหา) สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดในประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก โดยมีผลกระทบที่หลากหลายตามวงการและธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ธุรกิจเล็กๆ จนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ... อ่านเพิ่มเติม

ไซต์รีวิวขนาดเล็กสูญเสียการเข้าชม  Google ถึง 91% ไปยัง SEO Content ที่เน้น Affiliate

ไซต์รีวิวขนาดเล็กสูญเสียการเข้าชม Google ถึง 91% ไปยัง SEO Content ที่เน้น Affiliate

“ผลการค้นหาของ Google ถูกครอบงำโดยแบรนด์ใหญ่ๆ SEO สำหรับไซต์ขนาดเล็ก ซึ่งมันเหมือนกับปี 2003 อีกครั้ง” ... อ่านเพิ่มเติม

จากการศึกษาพบ 56% ของตำแหน่ง  3 อันดับแรกของ Google ถือครองโดย ccTLD เพราะเหตุใด?

จากการศึกษาพบ 56% ของตำแหน่ง 3 อันดับแรกของ Google ถือครองโดย ccTLD เพราะเหตุใด?

การทำ SEO ในระดับสากลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ระดับโลก และหนึ่งในการปรับปรุงประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานที่สุดคือโดเมนและโครงสร้าง URL ที่เราเลือกใช้ ... อ่านเพิ่มเติม

แท็กชื่อ (TITLE TAG) ควรมีความยาวเท่าใดในปี 2024

แท็กชื่อ (TITLE TAG) ควรมีความยาวเท่าใดในปี 2024

แท็กชื่อ (Title Tag) ที่ใช้ในหน้าเว็บควรมีความยาวประมาณ 50-60 ตัวอักษร เพื่อให้แสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนผลการค้นหาของ Google ในปี 2024 ... อ่านเพิ่มเติม

วิธีสร้างไอเดียสำหรับ Content ออนไลน์

วิธีสร้างไอเดียสำหรับ Content ออนไลน์

คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 การตลาดเนื้อหาสร้างรายได้ประมาณ107 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการตลาดเนื้อหาในส่วนผสมทางการตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

จะทำให้คนพูดถึงแบรนด์ของเราได้อย่างไร

จะทำให้คนพูดถึงแบรนด์ของเราได้อย่างไร

การที่ผู้คนพูดถึงแบรนด์ของเราช่วยสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา เนื่องจากผู้บริโภคมักจะเชื่อถือคำแนะนำจากผู้อื่นมากกว่าการโฆษณาแบบดั้งเดิม ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Local Search Engine Optimization  จึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย

ทำไม Local Search Engine Optimization จึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย

อนาคตของ Local Search Engine Optimization (Local SEO) ในประเทศไทยคาดว่าจะมีการเติบโตและกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งขึ้น เนื่องจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตและการค้นหาข้อมูลผ่านอุปกรณ์มือถือเพิ่มขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหา 27 ปี ได้แบ่งปัน 5 ขั้นตอนในการปรับปรุง SEO ของเรา

ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหา 27 ปี ได้แบ่งปัน 5 ขั้นตอนในการปรับปรุง SEO ของเรา

ใน Summit เมื่อเร็วๆ นี้ Duane Forrester ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดผ่านการค้นหามา 27 ปีได้แบ่งปันคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเป็น SEO ที่ดีขึ้น และพัฒนาทักษะเพื่อคาดการณ์ได้ดีขึ้นว่าการตลาดผ่านการค้นหากำลังมุ่งหน้าไปที่ใด ... อ่านเพิ่มเติม