09 พ.ค. 2561
6407
10 เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ
โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่ได้รับเข้ามา คนในสังคม และหลายอย่างที่ประกอบกันให้โลกได้ก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่เราพบเห็นไม่ว่าจะเป็นวงการใดก็แล้วแต่ล้วนมีแต่การสร้างความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกต่อคนในสังคมมากขึ้น เช่นเดียวกันกับการทำธุรกิจโลกของตลาดออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เช่นเดียวกัน สิ่งเหล่านี้จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการตลาดของเราให้ครบวงจรตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด
1.Facebook's Power Editor
ถ้าต้องการทำการโฆษณาบน Facebook ไม่เกิน 10 โฆษณา อาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้ และหากต้องการทดสอบโฆษณาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอาจต้องทดลองเป็นจำนวนมาก การใช้ Power Editor จะช่วยสร้างโฆษณาที่คล้ายกันเพียงเวลาอันน้อยนิด จากปกติ 1 ชั่วโมงอาจเหลือเพียงไม่กี่นาที
2.MailChimp
หากธุรกิจของเรามีการใช้ Email Marketing เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า และมีการใช้ Excel ในการบริหารจัดการข้อมูล ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่หากในอนาคตที่ธุรกิจของเรานั้นประสบความสำเร็จมากขึ้น มีข้อมูลต่างๆ มากขึ้น การใช้วิธีการเดิมอาจไม่เหมาะสม เพระาข้อมูลมากเกินไปและอาจตกหล่นได้ ดังนั้นการใช้เครื่องมือ MailChimp จะช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลได้ดีขึ้น และสามารถจัดการปัญหาต่างๆ ได้อีกด้วย
รูปภาพ : MailChimp.com
3.Canva
หากธุรกิจของเรานั้นไม่มีทีมกราฟิกที่คอยทำรูปภาพไว้ใช้โพสต์บน Website หรือ Blog รวมไปถึง Social Media ต่างๆ เราสามารถใช้ Canva ช่วยในการออกแบบได้ Canva เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการกับรูปภาพกราฟิก เป็นขนาดที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เราจะนำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือการออกแบบอื่นๆ ลองเข้าไปใช้งานกันได้เลย
รูปภาพ : canva.com
4.Google Analytics
สิ่งสำคัญที่ควรมีบนเว็บไซต์นอกจาก Content ที่น่าสนใจแล้ว ก็คือเครื่องมือการเก็บสถิติ เครื่องมือวัดผล ซึ่งเป็นหน้าที่ของ Google Analytics ที่จะสามารถทำได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการใช้ฟรีแบบไม่มีเงื่อนไขอื่นใดอีกด้วย Google Analytics จะบอกเราว่า Content ของเรานั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีผลตอบรับอื่นๆ จากผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างไร หรือข้อมูลที่บอกว่าลูกค้าเข้ามาที่หน้าเว็บนี้แล้วไปที่ใดต่อ ออกจากเว็บไซต์เมื่อใด เป็นต้น
5.Sumo
ตัวช่วยที่จะทำให้เว็บไซต์เติบโตมากขึ้น โดยมีเครื่องมือที่น่าใช้งานอยู่ 2 ประเภท
- เครื่องมือสร้าง Landing Page พร้อมเก็บ Email ในหน้า Home Page ของเว็บไซต์ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเก็บ Email จากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สำหรับนำไปทำ Email Marketing ต่อไป
- เครื่องมือวิเคราะห์หน้าเว็บเพจ อาทิ Heat Map และ Content Analytics เพื่อเป็นการวิเคราะห์ว่ามีคนเข้าเว็บไซต์ หรือ Sales Page แล้วมีการกด Click บริเวณใดมากหรือน้อยแค่ไหน หรือมีการกดปุ่ม Call-to-Action กี่ครั้ง ฯลฯ เพื่อนำไปออกแบบหน้าเว้บไซต์ให้มีความน่าสนใจ คนอยู่นานมากขึ้น มีการคลิกเพิ่มขึ้น เป็นต้น
รูปภาพ sumo.com
6.Google Drive
เป็นเครื่องมือที่เปรียบเสมือนฮาร์ดดิสก์ออนไลน์ที่ให้เราได้ใช้ฟรีได้มากที่สุดถึง 15 GB (สามารถเพิ่มความจุได้ซึ่งในที่นี้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) และโปรแกรมที่ใช้ในออฟฟิศ นั่นคือ Microsoft Office เช่น Word, Excel, Powerpoint ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้บน Google Drive ก็มีให้ได้ใช้งานแบบฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่ต้องจ่ายค่า License ด้วย
ตัวอย่างเช่น
Google Docs - สำหรับพิมพ์และแก้ไขเอกสาร
Google Sheets - สำหรับสร้างและแก้ไขสเปรดชีต
Google Slides - สร้างและแก้ไขงานนำเสนอ
Google Forms - สร้างแบบฟอร์มที่สวยงามเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ลงทะเบียน
รูปภาพ : googledrive.com
7.Google Alerts
สามารถติดตามการเคลื่อนไหวในแวดวงอุตสาหกรรมได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นว่าในแวดวงอุตสาหกรรมของเรานั้นมีใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ได้อย่างทันท่วงที หรือการถูกกล่าวถึงบนโลกออนไลน์ ซึ่ง Google Alerts นี้สามารถตั้งค่าด้วย Keyword หรือคำที่เราสนใจจะติดตาม ในทุกครั้งที่ Google ได้มีการอัพเดตข้อมูลใหม่ก็จะมีการแจ้งเตือนผ่าน Email ของเราทันที หรือการเลือกตั้งค่าการแจ้งเตือนด้วยความถี่เท่าใด ชั่วโมง วัน หรือเดือน ก็สามารถทำได้
8. Leadpages
เครื่องมือนี้จะช่วยสร้างหน้าเว็บเพจ เปลี่ยนจากว่าที่ลูกค้าให้มาเป็นลูกค้า เพิ่มโอกาสในการลงทะเบียนของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น
รูปภาพ : leadpages.com
9.Keyword Planner
การเรียนรู้การใช้งาน Keyword Planner อาจเหมาะกับผู้ที่สนใจการลงโฆษณาบน Google และจริงจังกับการ Search Engine Optimization (SEO) เพราะว่าโปรแกรมจะทำการวิเคราะห์จากพฤติกรรมการค้นหาบน Google และทุกครั้งที่มีการค้นหาบน Google โปรแกรมนี้จะทำการบันทึกข้อมูลและเก็บสถิติเอาไว้ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้สามารถนำไปทำโฆษณาบน Google Adwords หรือนำไปทำ SEO ให้กับ Content บนเว็บไซต์ของเราเพื่อให้ติดอันดับการค้นหาของ Google
10.Wordpress
เครื่องมือหนึ่งในการจัดการ Content บนเว็บไซต์ของเราให้มีความง่ายขึ้น เพราะเจ้าของธุรกิจหลายท่านได้บอกว่าเว็บไซต์นั้นคือเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่หากให้ความสำคัญกับ Content Marketing บนเว็บไซต์ธุรกิจของเราแล้วนั้น WordPress ก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องรู้เรื่อง หรือภาษาคอมพิวเตอร์ เพราะเครื่องมือนี้มีการจัดทำขึ้นเพื่อให้ใช้งาน และเผยแพร่ content ได้อย่างง่ายดาย และมีส่วนเสริม Plugin ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเรานั้นดูดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รูปภาพ : wordpress.com
10 เครื่องมือข้างต้นนี้จะช่วยให้เราสามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดพร้อมสู้ในทุกสถานการณ์ และพร้อมรับกับทุกความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และนอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขาย ผลกำไร ได้อย่างมากมายอีกด้วย
ที่มา : stepstraining