20 ต.ค. 2560

2970

5 เหตุผลที่ทำให้อันดับใน Google ของเรากับคนอื่นแตกต่างกัน by seo-winner.com

5 เหตุผลที่ทำให้อันดับใน Google ของเรากับคนอื่นแตกต่างกัน


ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้การจัดอันดับของ Google เรานั้นแตกต่างจากคนอื่น หลายคนคงเคยค้นหาข้อมูลใน Google แล้วกลับพบว่าอันดับเว็บไซต์ที่ Google นั้นแสดงต่อหน้าเราและของเพื่อนมีความแตกต่างและไม่เหมือนกัน ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพราะมีปัญหาขัดข้อง หรือเกิดการ Error แต่อย่างใด แต่เพราะ 5 เหตุผลต่อไปนี้ที่จะช่วยไขข้อสงสัยให้กับพวกเรา

1.การเปลี่ยนแปลงอันดับของ Google
        Google นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอันดับอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะเช็คอันดับในวันเดียวกันแต่มีเวลาที่แตกต่างกัน ก็เป็นส่วนที่ทำให้ได้อันดับไม่ตรงกันได้เช่นเดียวกัน

2.ความแตกต่างของ Server ที่ Google ใช้
        Google นั้นมี Server หลายล้านตัวทำงานเก็บข้อมูลที่เหมือนกัน เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าไปที่ Server ตัวไหนที่จะมีผลให้ได้อันดับเว็บไซต์มา การที่ได้อันดับเว็บไซต์ที่แตกต่างก็มาจาก Server คนละตัว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้มีเวลาในการจัดอันดับที่แตกต่าง ใน Google ที่มีการอัพเดต Server เขาจะไม่ได้อัพเดตทีเดียวทุกตัว แต่จะอัพเดตไล่มาทีละตัวจนครบ ดังนั้นอันดับที่ได้ออกมาอาจจะแตกต่างกันเพราะอยู่ในระหว่างที่ Google อัพเดตก็เป็นไปได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น Google มี Server 2 ตัว คือ A และ B คุณทำการทดสอบการแสดงอันดับโดยใช้คอมพิวเตอร์ 2 ตัว ที่เหมือนกันทุกประการ ใช้ Keyword ในการค้นหาเหมือนกัน ค้นหาเวลาเดียวกัน กดค้นหาพร้อมกัน อันดับที่ได้ออกมาก็อาจจะไม่เหมือนกัน
        ถ้า Keyword จากคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่องไปยัง Server A หรือ B เหมือนกัน อันนี้แน่นอนว่าอันดับที่ได้ออกมาจะเหมือนกัน แต่ถ้าคอมพิวเตอร์ตัวที่ 1 ไปยัง Server A และ คอมพิวเตอร์ตัวที่ 1 ไปยัง Server B อันดับที่ได้ก็อาจจะไม่เหมือนกัน

3.ระบบ Personalized Search ของ Google
Google มีระบบที่เรียกว่า Personalized Search เมื่อคุณ Login ใน Google ด้วยอีเมล เวลาที่คุณค้นหาข้อมูลต่างๆ Google จะพยายามหาข้อมูลที่เหมาะสมกับคุณขึ้นมาก่อน ทำให้อันดับที่คุณเห็นต่างจากอันดับของคนอื่น และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ Login ใน Google ด้วยอีเมลก็ตาม แต่ Browser ยังมี Cookie ที่คอยเก็บประวัติการเข้าใช้ และความสนใจของคุณเอาไว้ เมื่อคุณทำการค้นหาข้อมูล Google ก็สามารถที่จะแสดงข้อมูลของเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณเคยสนใจมาให้ก่อนโดยดูจากประวัติที่ Cookie เก็บเอาไว้ ทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณไม่เหมือนกับอันดับของคนอื่น และเพื่อที่จะป้องกัน Personalized Search คุณสามารถใช้ Private Mode (Secret Mode การค้นหาแบบไม่ระบุตัวตน)

4.IP Address ของคุณ
       IP Address จะทำอันดับเว็บไซต์ที่ได้ออกมาอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะ Google จะแสดงผลตาม IP Address
        ตัวอย่างเช่น IP1 อยู่ที่เชียงใหม่ IP2 อยู่ที่กรุงเทพ และใช้  Keyword “กำจัดขน” เหมือนกันในการค้นหา อันดับที่ได้ออกมานั้นก็อาจจะไม่เหมือนกัน เพราะ Google โดยดูจาก IP Address ของคุณ อันดับเว็บไซต์ที่แสดงต่อ IP1อาจจะเป็นร้านกำจัดขนที่อยู่ในเชียงใหม่ก่อน ส่วน IP2 จะเป็นร้านกำจัดขนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก่อน เป็นต้น การแสดงผลดังกล่าวนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Personalized Search ที่จะเลือกเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับคุณขึ้นมาให้ก่อนและไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้ว่าคุณจะใช้การค้นหาแบบ Private Mode ก็ตาม

5.การตั้งค่าภาษาของ Google
ภาษาของ Google สามารถตั้งได้หลายภาษา ซึ่งการแสดงผลของอันดับเว็บไซต์แต่ละภาษาก็จะแตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าใช้ Private Mode ก็ต้องมีการตั้งค่าภาษา

การจัดอันดับของ Google นั้นจะแตกต่างกันออกไปและไม่เหมือนกัน ทุกอันดับที่แสดงนั้นคืออันดับที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เกณฑ์อะไรในการวัดผลและใช้ปัจจัยใด Google มีเป้าหมายที่จะตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้อย่างดีที่สุด จึงได้มีการสร้าง Personalized Search ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกและเลือกเว็บไซต์ที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งทำให้อันดับเว็บไซต์ที่ออกมาแตกต่างกันในแต่ละเวลา แต่ละที่อยู่ และแต่ละภาษานั่นเอง








ที่มา : h1

บทความ

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

WordPress ต้องใช้ Web Hosting เพราะ Web Hosting เป็นที่ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ รวมถึงทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

Dwell Time เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้และคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ การเพิ่ม Dwell Time จึงเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง SEO และผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ในการปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยการปรับแต่งทั้งด้านในและด้านนอกของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate) ใน SEO เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ... อ่านเพิ่มเติม

Impressions คืออะไร

Impressions คืออะไร

Impressions คือการวัดการแสดงผลของเนื้อหาหรือโฆษณาบนหน้าจอของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงการเข้าถึงและการมองเห็นแบรนด์หรือเนื้อหาของเราในตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

Page Speed เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้มีความสุขในการใช้งาน ทำให้โอกาสในการทำอันดับในผลการค้นหาดีขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility หรือการเข้าถึง คือการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้โดยผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการเคลื่อนไหว การได้ยิน หรือการมองเห็น ... อ่านเพิ่มเติม

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

การทำ International SEO ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงผู้ใช้จากหลายประเทศและหลายภาษาได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ยกระดับการแสดงผลในผลการ ... อ่านเพิ่มเติม

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google มักจะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ละเมิดกฎและข้อกำหนดของ Google Search หรือ Google Play Store ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม