24 มี.ค. 2565

912

5 วิธียิง Ads สำหรับร้านค้ามือใหม่ by seo-winner.com

5 วิธียิง Ads สำหรับร้านค้ามือใหม่

เราต้องขออธิบายก่อนว่า การยิง Ads ก็คือการทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ ซึ่งสามารถทำโฆษณาได้ทั้งบน Instagram, Google, YouTube, Facebook, Twitter และช่องทางออนไลน์อื่นๆ นั่นเองครับ

อย่างไรก็ตามเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนที่มีบัญชีอยู่ในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้เข้าถึงโพสต์สินค้าของเรามากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากในประเทศไทยมีผู้ใช้งาน Facebook อยู่ที่ 52 ล้าน เป็นอันดับ 8 ของโลกและกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุดในโลก ซึ่งถ้าทำ Facebook Ads ในประเทศไทยนั้นจะมีโอกาสสูงในการที่จะถูกส่งไปยังเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมีผู้ใช้อยู่มาก สื่อ Facebook Ads จึงเป็นสื่อที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้มากที่สุดนั่นเอง

บทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีลงโฆษณาใน Facebook 

5 วิธียิง Ads มีดังต่อไปนี้

1. อันดับแรก ให้ดำเนินการเข้าไปบัญชีที่เรานั้นจะใช้ยิง Ads หรือโฆษณา โดยสามารถทำได้ทั้ง Facebook ส่วนตัว และเพจที่เราดูแล

2. ให้กดไปที่ปุ่ม Campaigns จากนั้นให้เลือกที่ Create Ad เพื่อสร้าง  Ads หรือโฆษณา

ในหัวข้อ Create New Campaign ให้เราเลือก Objective หรือวัตถุประสงค์ในการลงโฆษณาชุดนี้โดยระบบของ Facebook จะช่วยค้นหาผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราให้โดยอัตโนมัติ 

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน Facebook ได้มีคำแนะนำในการเลือก 3 Objective ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามเป้าหมายที่เราต้องการได้อย่างอิสระดังต่อไปนี้

  •  Drive sales คือ มุ่งเป้าหมายไปที่สร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเรา
  • Build your band คือ เน้นไปที่การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เช่น การกดไลก์ คอมเมนต์ โฆษณาของเรา
  • Make connections คือการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยยึดการเชื่อมต่อกับลูกค้าเป็นหลัก

3. ถัดมาเราในหัวข้อ Campaign Details เป็นการตั้งชื่อให้กับแคมเปญหรือโฆษณาของเรา และการกรอกงบประมาณหรือจำนวนเงิน ที่เรานั้นต้องการที่จะใช้จ่ายไปกับแคมเปญนี้ โดยตั้งได้ 2 แบบคือ 

  • Daily Budget ซึ่งเป็น งบประมาณที่จะใช้จ่ายต่อวันในการลงโฆษณา 
  • Lifetime Budget คือ การตั้งงบลงโฆษณาแบบตลอดอายุ Facebook จะคำนวณให้ตามวันที่เราตั้งค่าเปิดปิดโฆษณาให้อัตโนมัติ เมื่อใส่วัตถุประสงค์ของโฆษณาเรียบร้อยแล้วก็กด Continue เพื่อไปกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเราได้เลย

4. ต่อมาหัวข้อ AD SET เราจะบอกว่าขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญมากในการลงโฆษณา ในขั้นตอนนี้เราจะทำการเลือกกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาชุดนี้ ถ้าเราเลือกกลุ่มเป้าหมายดี กระแสตอบรับกับโฆษณาของเราก็จะดีตามไปด้วย ดังนั้นเราควรใส่ใจในรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • Interests คือ ความสนใจกิจกรรมที่ชอบและหัวข้อที่เกี่ยวข้อง เช่น ขายคอร์สออกกำลังกาย ก็ต้องเลือกเป็น Fitness and wellness Behaviors พฤติกรรมของผู้ใช้งานที่สนใจเรื่องการออกกำลังกาย กลุ่มผู้รักการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
  • Location เลือกเป็น People who live this location คือ กลุ่มคนที่อยู่ในสถานที่นั้น เช่น เราจะส่งโฆษณานี้ให้คนไทย เราก็ต้องเลือก Thailand
  • Demographics คือ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ เช่น การศึกษา การทำงาน และไลฟ์สไตล์ต่างๆ
  • Audience คือ การกำหนดข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ Facebook ส่งโฆษณาให้กลุ่มผู้ใช้งานเหล่านั้น
  • Gender กำหนดเพศของกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการส่งโฆษณาไปให้ถึง
  • Age กำหนดช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายของเรา

5. Placement คือ การที่เรานั้นเลือกใช้โฆษณาเพื่อไปแสดงผลในส่วนไหนของ Platforms ของกลุ่มเป้าหมายเรา ได้แก่ Messenger, Facebook, Instagram และอื่นๆ โดยเลือกได้เป็นให้แสดงโฆษณานี้เฉพาะการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์หรือบนโทรศัพท์

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้เลือกทั้งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์และผู้ใช้งานครั้งแรกแนะนำให้เลือกเป็น Facebook Budget & Schedule คือการกำหนดงบประมาณและตั้งเวลาโฆษณา Optimization for Ad Delivery ให้เลือก Post Engagement ตามวัตถุประสงค์ที่เลือกไว้ข้างต้น Cost Control ให้ Facebook คำนวณงบประมาณตามจำนวนเงินที่เราใส่ในหัวข้อ Campaign Details ให้อัตโนมัติได้เลยครับ





 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : fillgoods.co

 

บทความ

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

WordPress ต้องใช้ Web Hosting เพราะ Web Hosting เป็นที่ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ รวมถึงทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

Dwell Time เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้และคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ การเพิ่ม Dwell Time จึงเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง SEO และผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ในการปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยการปรับแต่งทั้งด้านในและด้านนอกของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate) ใน SEO เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ... อ่านเพิ่มเติม

Impressions คืออะไร

Impressions คืออะไร

Impressions คือการวัดการแสดงผลของเนื้อหาหรือโฆษณาบนหน้าจอของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงการเข้าถึงและการมองเห็นแบรนด์หรือเนื้อหาของเราในตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

Page Speed เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้มีความสุขในการใช้งาน ทำให้โอกาสในการทำอันดับในผลการค้นหาดีขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility หรือการเข้าถึง คือการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้โดยผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการเคลื่อนไหว การได้ยิน หรือการมองเห็น ... อ่านเพิ่มเติม

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

การทำ International SEO ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงผู้ใช้จากหลายประเทศและหลายภาษาได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ยกระดับการแสดงผลในผลการ ... อ่านเพิ่มเติม

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google มักจะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ละเมิดกฎและข้อกำหนดของ Google Search หรือ Google Play Store ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม