06 เม.ย. 2564
1454
5Dos of SEO
แน่นอนว่าถ้าหากพูดถึงในเรื่องของการทำธุรกิจให้เติบโตนั้น จะมีเรื่องของ SEO มาเป็นอันดับต้นๆเสมอ
เพราะการทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆของ Google นั่นเอง ซึ่ง Google จะใช้ข้อมูลการใช้งานมาเป็น "อัลกอริทึม (Algorithm)" สำคัญในการจัดอันดับเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหา
ในบทความนี้จะพูดถึง 5สิ่ง "ควรทำ" ถ้าหากต้องการเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ในการทำ SEO
- ความสม่ำเสมอในการอัพเดท
เว็บไซต์ที่มีการอัพเดทและเพิ่มเติมเนื้อหาสม่ำเสมอจะมีโอกาสทำอันดับใน SEO ได้ดีกว่าเว็บไซต์ที่เงียบไม่มีการลงข้อมูล เพราะ Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา ไม่งั้นคงจะไม่ดีแน่ถ้า Google นำเสนอแต่บทความที่มีแต่เนื้อหาเก่าๆ ล้าสมัยให้กับผู้ใช้ ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ที่ติดอันดับอยู่แล้วก็ยังจำเป็นต้องอัพเดทเนื้อหาใหม่เรื่อยๆ เพื่อเป็นการรักษาอันดับที่ดีต่อไป
- สร้างบทความที่ดีเพื่อโปรโมท
ให้เขียนเนื้อหาข้อมูลที่ดีที่สุด และสร้าง Keyword ที่ดี เพื่อที่ทำ SEO พร้อมใส่ภาพประกอบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้หน้าเว็บดูน่าสนใจมากขึ้น และหากคนอื่นเห็นว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เรามีข้อมูลที่ดี เรายังอาจจะได้รับการอ้างอิงจากเว็บไซต์อื่นซึ่งจะทำให้เราได้ Backlinks ที่มีคุณภาพกลับมา ซึ่งส่งผลต่อการทำอันดับของเว็บไซต์ใน SEO ได้เป็นอย่างดี
อีกช่องทางหนึ่ง เราสามารถเพิ่มการเข้าชมเนื้อหาบทความได้ ด้วยการแชร์ลิงค์ใน Facebook, Twitter เป็นต้น เพื่อให้มีคนเข้ามาอ่าน หากต้องการเข้าถึงผู้อ่านให้มากขึ้น ก็สามารถซื้อโฆษณากับ Facebook ได้ ซึ่งเป็นการโปรโมทบบทความที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เพราะสามารถกำหนดเป้าหมายได้และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก ประโยชน์ที่ได้รับนอกจากจะช่วยเพิ่มคนเข้ามาอ่านบทความแล้ว ยังเป็นการโปรโมทให้คนอื่นได้รู้จักแบรนด์หรือเว็บไซต์ของเราได้ด้วย หรือที่เรียกว่าการทำ "Content Marketing" นั่นเอง
- สร้าง Title ให้น่าคลิก
Title เป็นส่วนที่จะแสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาด้วย Keyword บน Google หรือ Search Engine อื่นๆ ในส่วนนี้เราสามารถกำหนดเองได้ (บางครั้ง Google อาจเลือกข้อความในเว็บไซต์ขึ้นมาแสดงเอง) เทคนิคง่ายๆคือการใส่ Keyword ใน Title ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับ Keyword ที่ผู้ใช้มักใช้ค้นหา
โดย Title ก็คือชื่อเรื่องของหน้าเว็บนั้น หากมีเปอร์เซ็นต์การคลิกจากหน้าผลการค้นหาสูง ซึ่งเรียกว่า CTR (Click Through Rate คำนวณจากจำนวนคลิกหารด้วยจำนวนการแสดงผล) ก็มีโอกาสที่หน้าเว็บจะทำอันดับได้ดีกว่าเว็บที่มีค่า CTR ต่ำ เพราะแสดงว่าเว็บไซต์มีความน่าสนใจมากกว่า
- Mobile-friendly
ทำเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทุกชนิด เว็บไซต์ในสมัยก่อนทำมารองรับเฉพาะการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ (Desktop) แต่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสัดส่วนของหน้าเว็บไซต์ที่แสดงบนทั้งสองอุปกรณ์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเปิดเว็บไซต์ผ่านมือถือก็จะต้องคอยเลื่อนไปมาและต้องคอยซูมเข้าซูมออกเพื่ออ่านข้อมูล บางคนอาจจะไม่สนใจดูเว็บไซต์และเปลี่ยนไปเข้าเว็บไซต์อื่นที่อ่านข้อมูลง่ายกว่าก็ได้
- User-friendly
ควรจัดหมวดหมู่ในเว็บไซต์ให้เป็นระบบ มีหน้าหลักซึ่งครอบคลุมเนื้อหาของทั้งเว็บไซต์ มีหมวดหมู่หลักและย่อยที่ชัดเจน เช่น หน้าหลัก > หน้าสินค้ารวม > หน้าสินค้าแต่ละชิ้น ในแต่ละหน้าเว็บควรจะมีข้อมูลที่โฟกัสหัวข้อหลักหรือ Keyword ที่จะทำ SEO เป็นเรื่องๆ ไป ซึ่งกำหนดโดย H1 tag และแบ่งหัวข้อรองด้วย H2 tag (หากมีหัวข้อย่อยอีก สามารถใช้ H3-H6 Tag)