03 มี.ค. 2561
8636
6 Google Analytics Reports เบื้องต้น ที่ควรนำมาวิเคราะห์เว็บไซต์
การวิเคราะห์เว็บไซต์ หรือที่เราเรียกว่า Web Analytics คือ การนำเอาข้อมูลของผู้ที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ มาศึกษา วิเคราะห์ เพื่อนำมาปรับปรุงในธุกิจของเรา ตัวอย่างเช่น เราสามารถที่จะรู้ได้ว่า ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจใช้เวลาเท่าไหร่ในการอ่านเนื้อหาของ Website เราในแต่ละหน้า (Average Time On Page) หรือว่าเวลาทั้งหมดที่อยู่ใน Website ของเรา หรือหลังจากที่ได้เข้ามาที่หน้าแรกของเว็บไซต์แล้วไปที่หน้าอื่นอีกหรือไม่ (Path Analysis) และเป็น Web Analytics จะสามารถช่วยเราตอบโจทย์เหล่านี้
สิ่งสำคัญก่อนที่จะดู Reports ของแต่ละคนใน Google เราต้องสำรวจว่าเราต้องการสิ่งใดจากเว็บไซต์ วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์คืออะไร เพื่อให้เราสามารถตอบสิ่งที่ต้องการได้ คล้ายกับจะได้เป็นตัวกำหนดว่าข้อมูลที่เราต้องการนั้นมีอะไร คืออะไรบ้าง สามารถที่จะดู Reports ต่างๆของเราในทีหลังได้ว่า ข้อมูลต่างๆ พวกนี้ สามารถที่จะตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้ได้หรือไม่ ซึ่ง Google Analytics Reports เบื้องต้นที่ควรนำมาวิเคราะห์เว็บไซต์ มีดังต่อไปนี้
1.Bounce Rate (Visitors -> Visitor Trending -> Bounce Rate)
ตัวเลขที่บอกว่า คนที่เข้ามาใน Website แล้วก็ออกจาก Website นั้นไปเลย โดยที่ไม่ได้ click เข้าไปอ่านต่อในหน้าอื่นๆ ของ Website นั้น หรือเรียกง่ายๆ ว่า เข้ามาแล้วปิดออกไปเลย สิ่งนี้สามารถวัดได้ว่าการทำเว็บไซต์ของเรานั้นประสบความสำเร็จหรือไม่
* แต่ว่าตัวเลขตัวนี้จะเป็นข้อยกเว้น สำหรับ Websites ที่เป็นจำพวก Blogs ต่างๆ เพราะว่าคนที่เข้ามาอ่าน Blogs นั้น ส่วนใหญ่พวกเค้ามักจะเข้ามาอ่านในหัวข้อล่าสุด ซึ่งพออ่านจบแล้วคนเหล่านั้นก็จะออกจาก Blogs นั้นไป ส่งผลให้ Bounce Rate ของ Websites ที่เป็น Blogs นั้นมักจะสูงกว่า Websites ประเภทอื่น
2.Top Content (Content -> Top Content)
สามารถที่จะรู้ได้ว่าคนที่เข้ามา Website ของเรานั้น พวกเค้าสนใจในเรื่องไหน หรือว่าหน้าไหนของเรามากที่สุด ทำให้เราสามารถพัฒนาข้อมูลเพิ่มเติมให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากที่สุด สามารถเป็นแนวทางในการค้นหาสิ่งที่นำมาเสนอต่อกลุ่มเป้าหมาย
3.% Unique Pageviews ของหน้าแรก (Content -> Top Content แล้วให้ดู Link ที่เป็นหน้าแรก หรือว่า “/” นั่นเอง)
กรณีที่ Serach Engine ได้แสดงผลเว็บไซต์ต่อกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาโดยไม่ได้แสดงที่หน้าแรกของเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า Deep Links นั่นเป็นเพราะว่าไม่จำเป็นที่ Search Engine จะแสดงผลเฉพาะหน้าแรกในการค้นหาทุกๆ ครั้ง ตัวอย่างเช่น การค้นหาสินค้าจาก Search Engine แล้วจะไปปรากฏในหน้าที่ต้องการ และไม่จำเป็นว่าคนที่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเราแล้วจะเลือกไปดูที่เว็บหน้าแรกของเรา ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้จะบอกให้เราได้รู้ว่าควรจะปรับปรุงในหน้า Website มากน้อยอย่างไร
4.Referring Sites (Traffic Sources -> Referring Sites)
เพื่อเป็นการดูว่า Websites ไหนที่ส่ง Traffic เข้ามาที่ Website ของเรา ทำให้เราสามารถดูข้อมูลในส่วนนี้ได้ว่า Website ไหนที่ส่ง Traffic บ่อยๆ และมากครั้ง อาจทำให้ได้ทำธุรกิจร่วมกันก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำโฆษณาและการทำการตลาดอื่นๆ ร่วมกัน
5.Keywords (Traffic Sources -> Keywords)
รายงานนี้จะบอกได้ว่า Keywords คำไหน ที่คนได้ค้นหาผ่านทาง Search Engines ต่างๆ เช่น Google, Yahoo, MSN ก่อนที่จะมาเจอ Website ของเรา ซึ่งใน Report นี้ก็จะแสดงรวมทั้ง Keywords ที่เราเสียเงินไปด้วย หรือที่เราเรียกว่า Pay Per Click นั่นเอง โดยที่เราสามารถที่จะใช้ Keywords ต่างๆ เหล่านี้มาทำการวิเคราะห์ดูว่า Website ของเรานั้น มีอะไรที่ตรงกับสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหาอยู่หรือไม่ หรือในบางทีเราก็อาจจะเจอ Keywords แปลกๆ ที่เราคิดว่าสามารถที่จะนำเอามาทำการเขียนบทความต่างๆ ใน Website ของเราเพิ่มเติมอีกต่อไป
6.Site Overlay (Content -> Site Overlay)
รายงานนี้จะแสดงหน้า Website ของเราพร้อมกับที่จะมีพวกตัวเลขการ Click ต่างๆ อยู่ตาม Links ที่มีในหน้า Website อาจไม่จำเป็นต้องดูให้ครบก็ได้แต่สิ่งที่ควรจะดู คือ สิ่งที่อยู่ใน Top 10 ซึ่งข้อมูลจากตรงนี้จะทำให้ได้รู้ถึงประสิทธิภาพการทำงานของ Links เมนูต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหมายถึงการอำนวยความสะดวกต่อคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ หรือที่เรียกกันในวงการของคนพัฒนาเว็บไซต์ว่า Usability
ที่มา : madooseo