Bounce Rate เป็นอัตราการของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่มาหน้าเว็บไซต์ โดยที่อยู่ในหน้านั้นและไม่ได้คลิกไปที่อื่น ซึ่งหมายถึงถ้าหากเว็บไซต์มี Bounce Rate สูงก็เหมือนกับว่าเว็บไซต์ของเรานั้นไม่มีคุณภาพ หรือไม่ตอบโจทย์การใช้งาน ไม่โดนใจผู้เข้าชมจึงทำให้เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของเราและปิดไปโดยทันที 

จากภาพจะเห็นว่า Bounce Rate ของเว็บไซต์นี้อยู่ที่ 63.33% นั่นแสดงว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมนั้น อาจเข้ามาเพียงหน้าแรกและปิดไปอย่างรวดเร็ว แปลว่าหน้าแรกของเรานั้นไม่มีความน่าสนใจและดึงดูดให้ผู้เข้าชมมีความต้องการที่จะอยู่ในหน้าเว็บไซต์นี้มากพอเช่นกัน ปัจจัยนั้นอาจมาจากความไม่สวยงามของเว็บไซต์ เนื้อหาไม่น่าสนใจไม่น่าติดตาม อาจจำเป็นต้องสำรวจด้วยว่าเพราะอะไรทำไมคนถึงไม่ชอบเว็บไซต์ของเราหรืออาจเข้ามาโดยบังเอิญ จึงทำให้ผู้ใช้งานออกจากเว็บไซต์ไป

วิธีที่จะช่วยให้การดูแลเว็บไซต์และสามารถแก้ไขในส่วนของจุดบกพร่องที่ได้กล่าวมาได้ดีที่สุด คือ
1. สำรวจว่าผู้เยี่ยมชมที่มี Bounce Rate สูงนั้นมาจาก Website และเว็บไหนเป็น best friends forever (BFFs)
2. Landing Page ที่มี Bounce Rate สูงคือหน้าไหน

โดยวิธีการนั้นเริ่มจากดูว่าเว็บไหนส่ง Traffic เข้าเว็บเราและมี Bounce Rate สูง ด้วยการเข้าไปที่โปรแกรมเก็บสถิติที่ใช้อยู่ แล้วเข้าไปที่ Referring sites แล้วเราก็จะเห็นสถิติว่าเว็บไหนส่ง Traffic ที่มีอัตรา Bounce สูงมาให้เรา เพราะถึงแม้ว่าการไปซื้อโฆษณาที่มีอัตราเยี่ยมชมเว็บไซต์สูงแต่เข้าแล้วออก และไม่เกิด Action ใดๆ ก็แปลว่าไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน และเรายังสามารถทราบได้อีกด้วยว่า เว็บใดที่ส่ง Traffic ให้เราและไม่ผิดหวังนั่นเอง

จากนั้นดูว่า Landing Pages ไหนที่ทำให้อัตรา Bounce สูง โดยเข้าไปที่เมนู Landing pages ของโปรแกรมที่เก็บสถิติ เมื่อพบว่าหน้าไหนมีอัตรา Bounce ที่สูงก็ควรตรวจสอบว่าหน้านั้นมีปัญหาอะไรหรือไม่ เช่น การแสดงผลผิดพลาด ดึงข้อมูลมาไม่ได้ หรืออัตรา Bounce rate สูงผิดปกติ เป็นต้น

เพราะทั้งหมดข้างต้นเป็นสถิติที่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างมีคุณภาพ เมื่อแบรนด์ของเรานั้นติดตลาดและมีลูกค้าคอยติดตาม และอยู่ในใจผู้บริโภคเมื่อไหร่เราไม่ต้องกังวลว่าเว็บไซต์ของเรานั้นจะหล่นหายไปจาก Search Engine อย่างแน่นอน และอย่าลืมทำให้เว็บนั้นโดดเด่นและมีความน่าสนใจเพื่อให้ผู้บริโภคนั้นให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของเราอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน

ที่มา : afflovers