เพราะการทำ SEO นั้นต้องมีการใช้ Keyword เพื่อให้การทำ SEO นั้นเสร็จสมบูรณ์และเป็นไปตามการคาดการณ์ในแต่ละครั้ง และการทำ SEO นั้นอาจเกิดปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับสินค้าและบริการมากที่สุด หลายท่านอาจมองไปที่คีย์เวิร์ดที่มีผลการค้นหาสูงและเช่นกันว่าการใช้คีย์เวิร์ดที่การค้นหาสูงย่อมมีค่าใช้จ่ายในการทำ SEO สูงตามไปด้วย ซึ่งอาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

ยกตัวอย่าง ร้านขายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ที่มีสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอางและอาหารเสริมหลากหลายแบรนด์ เมื่อมีสินค้าเยอะการหาคีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับสินค้าก็อาจเป็นเรื่องยาก จึงทำให้เกิดการหันเหไปเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีตัวเลขการค้นหาสูง เช่น เครื่องสำอางหรืออาหารเสริม และต่อมาได้ทำ SEO จนติดหน้าแรกของ Google แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่ไปเป็นตามคาด ยอดสั่งซื้อสินค้าไม่สอดคล้องกับการเข้าชม นั่นก็เป็นเพราะว่า คีย์เวิร์ด : เครื่องสำอางและอาหารเสริมนั้น เป็นคีย์เวิร์ดที่มีความหมายกว้างเกินไป และตัวเลขการค้นหาสูงอาจไม่ได้หมายความว่าตัวเลขนั้นจะเกิดการซื้อขายขึ้นเสมอไป แต่อาจเป็นการค้นหาเพื่อความต้องการอื่นๆ ประกอบด้วย 

เมื่อเป็นเช่นนี้อาจต้องทำสิ่งต่อไปนี้
• จัดระเบียบและแบ่งกลุ่มสินค้าในร้าน
เมื่อภายในร้านมีสินค้าหลากหลายประเภทก็ควรจะต้องแบ่งกลุ่มให้ชัดเจน ว่าสินค้าแต่ละประเภทนั้นแยกเป็นอะไรบ้าง เช่น ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก บำรุงผิว เครื่องสำอาง เครื่องสำอางนำเข้า หรือลักษณะการใช้งาน ผลลัพธ์การใช้งาน จัดกลุ่มสินค้าเพื่อโปรโมชั่น เป็นต้น

• เลือกกลุ่มที่ต้องการขาย
สังเกตกลุ่มสินค้าที่ขายดี หรือเป็นที่นิยมมียอดการสั่งซื้อสูงที่สุดในแต่ละรอบการขาย สินค้ากลุ่มใดที่ขายดีและเป็นกระแส หรือการแยกออกมาเป็นกลุ่มสินค้า หรือเลือกให้เป็นสินค้าที่มีในสต็อกก็ตามแต่แนวทางของร้าน เพื่อให้กระตุ้นยอดขายในสินค้านั้นๆ หรือเป็นการระบายสินค้าที่มีอยู่

• เลือกคีย์เวิร์ดเจาะจงกลุ่ม
ตัวอย่างสินค้ากลุ่มบำรุงผิวขาวใส การเลือกคีย์เวิร์ดอาจเป็นความหมายที่กว้างแต่เป็นการเจาะจงเฉพาะกลุ่ม มีอัตราการค้นหาสูง เช่น ครีมหน้าขาว ครีมหน้าใส เป็นการเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานที่ยังไม่มีสินค้าหรือแบรนด์ในใจแต่มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้ หรืออาจจะเป็นการเจาะจงคีย์เวิร์ดในการค้นหา เช่นครีมหอยทาก snail white, ครีมยันฮี เป็นต้น โดยเป็นการใช้กลุ่มเป้าหมายที่รู้จักสินค้าอยู่แล้ว

ธุรกิจที่มีการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายอาจเป็นการยากในการกำหนดคีย์เวิร์ด ดังนั้นการเลือกทำ SEO ในบางกลุ่มสินค้าที่ส่งผลต่อธุรกิจก่อนก็จะทำให้เกิดผลกำไรและยอดขายกับธุรกิจ เช่นกันเมื่อเงินลงทุนทำ SEO มีสภาพคล่องมากขึ้นจึงค่อยขยับขยายไปยังกลุ่มสินค้าที่เหลือหรือมีความสำคัญรองลงมา เพื่อให้ครอบคลุมสินค้าทั้งหมดและอาจเป็นการเพิ่มยอดขายได้ในอนาคต

ที่มา : iseoconsult