07 ก.ย. 2565
945
ธุรกิจ Content ที่แข่งด้วยคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ
หลายคนที่กระโดดเข้ามาในธุรกิจคอนเทนต์หรือ Content Creator ส่วนมากจะหันไปให้ความสำคัญกับจำนวนยอดวิวที่มีการวัดผลเพียงอย่างเดียวคือมองว่า Content นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ (จากจำนวนยอดวิว) แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ นั่นเป็นการวัดผลของธุรกิจในอดีตครับ
แล้วทำไมในปัจจุบันคอนเทนต์ยอดวิวแค่หลักพันถึงหลักหมื่นจริงๆ แล้วมันมีประโยชน์หรือส่งผลดีต่อชีวิตคุณหรือธุรกิจคุณมากกว่ายอดวิวที่เป็นหลักล้านอย่างไรบ้าง บทความนี้เราจึงนำเรื่องราวของ “ธุรกิจ Content” จากคุณ NopPongsatorn มาฝากกันครับ
แน่นอนครับหลายคนที่กระโดดเข้ามาในธุรกิจ Content หรือว่า Content Creator แม้กระทั่งบางธุรกิจที่อยากจะมีช่องทางของตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วจะไปให้ความสำคัญที่ตัวเลข ยอดติดตาม หรือยอดไลก์โดยมองว่ายอดวิวที่เยอะแปลว่าดีหรือยอดวิวที่น้อยนั้นไม่ค่อยดี
แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นการวัดผลของธุรกิจสมัยก่อนตัวอย่างเช่น Mass Media (การสื่อสารมวลชน) ย้อนกลับไปครั้งก่อนที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตซึ่งจะมีแค่เพียงช่องทีวี 5-9 ช่อง เช่น 60 ล้านคนหาร 5 ช่องก็ประมาณช่องละ 12 ล้านคน ซึ่งนี่เรียกว่า Mass Media คนไม่มีสิทธิ์เลือก ซึ่งเลือกได้แค่ผังรายการแต่ละช่องจะดูอะไรบ้าง
ดังนั้นจึงเป็นการออกแบบคอนเทนต์เพื่อที่จะแย้งยอดวิวจากช่องอื่นๆ ให้ได้มากที่สุดจึงจะประสบความสำเร็จ โดยสิ่งนี้เรียกว่า Mass Media เพราะคนมีตัวเลือกแค่นั้นครับ
เมื่ออินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม จึงทำให้เกิดการเริ่มเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ Media ซึ่งเรียกว่า on Demand (ระบบการทำวิดีโอสำหรับเลือกดูคอนเทนต์ตามที่ผู้ชมต้องการ) ที่ไม่จำเป็นต้องมาแย้งยอดวิวกัน แต่ถึงกระนั้นในปัจจุบันยังมีอีกหลายคนที่มองยอดวิวเป็นหลักอยู่ ตัวอย่างเช่น….
เช่นคุณนั้นทำช่องเกี่ยวกับ “ความรู้ของธุรกิจ” แน่นอนว่ายอดติดตาม หรือว่ายอดไลก์เมื่อเทียบกับช่องอื่นๆ นั้นจะน้อยกว่า แต่ในทางกลับกันคุณจะได้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจเรื่องของธุรกิจ การพัฒนาตนเอง และเมื่อเราได้สื่อสารกับบุคคลเหล่านั้นมันเป็นอะไรที่มีคุณค่าที่สุด
ดังนั้นจุดประสงค์ของบทความนี้จึงอยากมาแชร์ในมุมมองของการทำสื่ออีกแบบหนึ่ง คือสื่อในยุค on Demand ยกตัวอย่างเช่น มีช่องสำหรับเด็กเล็กและเป็นช่องที่ดีด้วย ในขณะเดียวกันอีกช่องเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการตลาด แน่นอนว่าเด็กกลุ่มนั้นอาจจะไม่มาดูช่องการตลาด และนักการตลาดก็อาจจะไม่ได้ไปดูช่องสำหรับเด็ก แต่…ทั้ง 2 ช่องเป็นช่องที่ดี
นี่เป็นสิ่งที่ Mass Media ในอดีตไม่สามารถทำได้ แต่เป็นสิ่งที่ on Demand ทำได้ ดังนั้นหน้าที่ของ Content Creator คือต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายก่อน และช่องอื่นๆ ก็มีกลุ่มเป้าหมายของเขาเช่นกัน
แต่สิ่งที่น่าสนใจและหลายคนคิดกันก็คือว่า แล้วคนที่เข้ามาซื้อโฆษณา หรือคนที่มาซื้อสปอนเซอร์ เขาเหล่านั้นจะเข้าใจภาพเหล่านี้ด้วยหรือไม่ คำตอบคือ…เขาเข้าใจอย่างแน่นอนครับ
ยกตัวอย่างเช่นเราเป็นธุรกิจที่อยากจะขายสินค้า D ให้กับผู้บริหารยุคใหม่ ซึ่งทีมนักการตลาดก็จะรู้ว่าคอนเทนต์นั้นๆ เหมาะอย่างไร เช่น
- นักการตลาดสนใจแค่ยอดวิว : เขาก็จะไปหาช่องที่มีวิวเยอะที่สุดในประเทศไทย แน่นอนครับว่าคนล้านคนจะได้ดูคลิปของเขา แต่ถามว่าเขาปิดการขายได้กี่คนนั่นยังเป็นสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ
- นักการตลาดสนใจที่กลุ่มเป้าหมาย : เช่นช่องนั้นยอดติดตามและยอดวิวแค่หลักแสน แต่ว่าผู้ที่ดูอยู่ล้วนเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น
แล้วคำถามคือ 2 ข้อข้างต้นข้อไหนมีโอกาสปิดการขายได้มากกว่ากันถึงแม้ว่าข้อ 2 จะมีคนติดตามหรือคนดูน้อยกว่า…สุดท้ายแล้วทีมนักการตลาดที่จะมาซื้อโฆษณา หรือมาเป็นสปอนเซอร์เขาเหล่านั้นก็รู้ดีอยู่แล้วครับ
สำหรับคนที่ทำธุรกิจคอนเทนต์หรือ Content Creator ที่กำลังทำอยู่แล้วไปโฟกัสแต่ยอดวิวหรือยอดติดตามเมื่อยอดติดตามน้อยคนดูน้อยจึงทำให้รู้สึกท้อแท้ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะ “ธุรกิจ Content แข่งด้วยคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ”
คุณ NopPongsatorn ได้อธิบายทิ้งท้ายไว้ว่า : ถึงแม้คอนเทนต์จะไม่ได้มีถึงล้านวิว แต่ในขณะเดียวกันเราทำคอนเทนต์เกี่ยวกับความรู้ของธุรกิจ และมีคนดูแค่หลักหมื่นวิว แต่ว่าหลักหมื่นวิวนี้มีคนดูที่ทำธุรกิจเขาได้มาดูแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ เมื่อเทียบกับล้านคนที่ดูอาจมีแค่ 1% เท่ากับมี 1 หมื่นคนดูที่จะได้ประโยชน์จริงๆ ฉะนั้นหลักหมื่นคนดูนี้จะมีคุณค่าขนาดไหนลองคิดดูครับ
หวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์จาก “ธุรกิจ Content ที่แข่งด้วยคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ” ไม่มากก็น้อย ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
-Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก : ขอขอบคุณ NopPongsatorn