24 ต.ค. 2561
2517
เทรนด์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่ควรรู้ ก่อนบุกตลาดจีน
เทรนด์การตลาดในแต่ละประเทศล้วนแล้วแต่มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ รวมไปถึงสภาพแวดล้อม วิถีการดำเนินชีวิตของคนในแต่ละประเทศ เช่นกันเมื่อธุรกิจนั้นสามารถขยับขยายและสามารถเข้าถึงในแต่ละประเทศได้อย่างง่ายดายขึ้น การที่ทำให้สินค้าของเราสามารถส่งออกได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับธุรกิจของเรารวมไปถึงช่วยสร้างผลกำไรได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างที่ใครก็ทราบกันดีว่าประเทศจีนนั้นมีกำลังซื้อรวมไปถึงกำลังการผลิตที่สูง เพราะเป็นประเทศที่ใหญ่และมีความต้องการสินค้าในปริมาณมาก คงจะดีไม่น้อยถ้าสินค้าของเรานั้นเป็นความต้องการของคนในประเทศนั้นๆ ถ้าหากต้องการทำการตลาดไปยังประเทศจีนก็อาจต้องทำการศึกษาให้มาก เพราะหลายสิ่งในประเทศของเขานั้นอาจมีข้อจำกัดที่แตกต่างจากประเทศของเรา
พฤติกรรมของคนจีนนั้นจะแตกต่างจากไทยมากอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น คนไทยนั้นมักจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเสิร์ชเอนจินจากคอมพิวเตอร์ก่อนแล้วค่อยเป็นการค้นหาจากสมาร์ทโฟน แตกต่างจากจีนที่จะทำการค้นหาและใช้อินเทอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟนโดยตรง อาจเนื่องด้วยว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่ผลิตสมาร์ทโฟนได้เอง การใช้งานจากคนในประเทศจึงมีมาก อีกทั้งการคุยธุรกิจกับคนจีนจะมีการใช้ We Chat และไม่ขอเบอร์โทรศัพท์ สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนไทย เช่นเดียวกันหากผู้ประกอบการไทยได้ทำความเข้าใจในช่องทางนี้และเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขคาดการณ์เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนปีหน้านั้นอยู่ที่ 10.8 ล้านคน และจีนเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 30,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐอีกด้วย คิดเป็นสัดส่วน 12.4% ของการส่งออกไทยทั้งหมด สำหรับปัจจุบันนี้มีข้อมูลว่าจีนได้เข้ามาลงทุนที่ไทยเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ คาดการณ์ว่าอนาคตอาจขยับมาเป็นอันดับ 1
ผู้ประกอบการไทยควรทราบเกี่ยวกับมุมมองของ AVG Thailand เกี่ยวกับตลาดจีนให้มากขึ้น โดยมีอยู่ 4 ประเด็น ได้แก่
Social Commerce
จำเป็นต้องทราบถึงช่องทางการติดต่อสื่อสารสำคัญของจีนที่อาจมีความแตกต่างจากไทยอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่าง คนไทยเริ่มสนใจสินค้าจาก Instagram > จากนั้นไปคุยรายละเอียดต่อกันที่ Line > และจ่ายเงินด้วย Mobile Banking ซึ่งแตกต่างจากจีนที่ใช้งานเพียงแค่วีแชท ที่รวบรวมทุกอย่างเอาไว้แล้ว
Social Search
จีนนั้นไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียไว้เพื่อการติดต่อเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้ค้นหาข้อมูลได้ด้วย จนเกิดปรากฏการณ์ Social search ที่มีการหาข้อมูลของแบรนด์และทำการสอบถามเกี่ยวกับแบรนด์โดยผ่าน Social Media ได้ทันที *ส่วนผู้ประกอบการไทยหากต้องการเปิด Account เพื่อตอบสนองลูกค้าจีนนั่นคือสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ แต่หากไม่พร้อมตอบคำถาม หรือไม่แม่นในภาษาก็ไม่ควรที่จะเปิด เพราะอาจทำให้เสียเครดิตได้ในภายหลัง
Influencer
การใช้ผู้มีอิทธิพลในจีนถือว่าเป็นอีกช่องทางการตลาดที่สำคัญ เพราะหลายคนได้มีการรีวิวโดยการใช้การถ่ายระดับ Production House และความสร้างสรรค์การรีวิวต่างๆ นี้เองที่ทำให้ได้ใจลูกค้าและช่วยให้ยอดขายแบรนด์นั้นเพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญนั้นต้องระมัดระวังถึงกฎและข้อบังคับบางอย่างที่ทางการจีนได้มีขึ้น เพราะกฎหมายของจีนนั้นมีสื่อคุมเข้มว่าห้ามโฆษณาอะไรก็ตามที่พิสูจน์ไม่ได้ ดังนั้นควรระมัดระวังในการรีวิวด้วย
การสั่งซื้อสินค้าข้ามประเทศ
เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของคนในประเทศ ก็อาจส่งผลให้มีการเลือกคุณภาพของสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีความต้องการจากต่างประเทศมากขึ้นด้วยเช่นกัน "ทีมอลล์"ห้างออนไลน์ในประเทศจีนก็ได้มีการเปิดหมวดสินค้าต่างประเทศขึ้นมารองรับ ในส่วนของสินค้าจากประเทศไทยที่มีความยอดนิยมในทีมอลล์ ได้แก่ หมอนยางพารา ข้าว ขนมขบเคี้ยว และเครื่องสำอาง
เมื่อผู้ประกอบการไทยต้องการที่จะบุกตลาดของจีน จำเป็นต้องมีข้อต่อไปนี้เพื่อที่จะนำไปพัฒนาให้ตอบโจทย์กับความต้องการของชาวจีนให้มากที่สุด เพื่อเป็นการเพิ่มผลกำไรให้กับสินค้าและบริการของเราอย่างไม่เสียเปล่า
• สินค้าต้องดี ต้องมีเอกลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นไทย รวมไปถึงคุณภาพต้องดีควรค่าแก่การซื้อ
• ต้องมีความรู้และความเข้าใจในตลาด ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้ารวมไปถึงคู่แข่งทางการค้า ประกอบกับกฎหมายและข้อต้องห้ามต่างๆ ในแต่ละประเทศ
• ศึกษาเกี่ยวกับ SEO ให้ดี เพราะมักจะมีค่าที่ซับซ้อน รวมไปถึงค่า Search Engine Marketing (SEM) ที่ค่อนข้างสูง
• ศึกษา Social Search ควบคู่ไปด้วย
• มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา เพื่อให้การติดต่อสื่อสารรวมไปถึงการบรรยายสรรพคุณสินค้าได้ดีและถูกต้อง
• กลยุทธ์ในการตั้งราคา ขึ้นชื่อว่าจีน ในบางครั้งนั้นก็ไม่ได้หมายถึงราคาถูกเสมอไป ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้า อีกทั้งกลยุทธ์ของคู่แข่งควรศึกษาและนำมาปรับใช้ให้ธุรกิจของเรามีความแตกต่างแต่ดึงดูงดูดความสนใจมากที่สุด
ที่มา : thebangkokinsight