09 มี.ค. 2567

458

ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง SEO กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม by seo-winner.com

ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง SEO กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ล่าสุดมีรายงานว่าค้นพบความเชื่อมโยงระหว่าง SEO กับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และวิธีที่ SEO สามารถช่วยกำหนดภูมิทัศน์ดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าสามารถทำให้เว็บมีความยั่งยืนมากขึ้น!

ในบทความนี้เราจะมาเปิดผลสำรวจ โดยเน้นการค้นพบที่สำคัญและคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

เหตุใดความเชื่อมโยงระหว่าง SEO และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงมีความสำคัญ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตระหนักของผู้คนที่จะช่วยจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเราตกเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวโลกทุกคนไปแล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม และในฐานะ SEO เราอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมในการช่วยสร้างปริมาณการเข้าชมเว็บ

ผู้คนมักต้องการค้นหาข้อมูลและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา และในฐานะ SEO เรามีโอกาสที่ดีในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำขอดังกล่าวถูกส่งไปยังธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง

ด้วยการเลือกและสนับสนุนลูกค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SEO สามารถช่วยกำหนดความต้องการในทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบสุทธิอย่างมาก

กระผมคิดว่าSEO จำนวนมากไม่ได้เชื่อมโยงว่า เมื่อมีการเยี่ยมชมเว็บไซต์และผ่านการกระทำทางดิจิทัลทั้งหมดของเรา ไม่ว่าจะค้นหาบน Google หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เรากำลังสร้างการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมของการใช้ AI

ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหาก SEO สามารถช่วยผลักดันลูกค้าให้หันมาใช้แนวทางปฏิบัติทางเว็บที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเริ่มจากการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเว็บไซต์    

9 วิธีที่ SEO สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จากการดำเนินการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามที่อาศัยอยู่ในยุโรป ทั้ง ฟรีแลนซ์/ที่ปรึกษา/ทำงานในบ้าน/เอเจนซี่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน SEO และอีคอมเมิร์ซ เห็นได้ชัดมากว่ามีคนจำนวนมากที่ใส่ใจหัวข้อนี้เป็นอย่างมาก ต่อไปนี้คือคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปต่อ

1. ตรวจสอบ Green Web Foundation – และตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเราโฮสต์โดยใช้พลังงานสีเขียวหรือไม่: สำหรับ Green Web Foundation ได้สร้าง ไลบรารี JavaScript แบบ Open-source ที่เรียกว่า CO2.js ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถประเมินการปล่อยก๊าซที่เกี่ยวข้องกับการใช้แอปเว็บไซต์ และซอฟต์แวร์ของตนได้! 

2. ใช้ตัววิเคราะห์ไฟล์บันทึก เช่น Screaming Frog และตรวจสอบการปล่อย CO2 ในไซต์ของเรา: สำหรับ Screaming Frog ได้รวม CO2.js ของ Green Web Foundation ไว้ในการอัปเดตล่าสุดของ Log File Analyzer และสามารถกำหนดค่าเพื่อค้นหาผลกระทบของ CO2 ของทั้งบอทและผู้ใช้

ซึ่งเราสามารถดูการประมาณการการปล่อย CO2 จากปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของเราเองหรือของลูกค้า ดังนั้นการวิเคราะห์ไฟล์บันทึกจะเป็นวิธีที่ดีในการกำหนดแผนเพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นบนโฮสต์เว็บของเรา

3. แบ่งพื้นที่เล็กๆ เพื่อให้ความรู้แก่ลูกค้าของเราเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเว็บไซต์: เมื่อเราใช้เครื่องมือเพื่อตรวจสอบปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เว็บไซต์สร้างขึ้น ทำไมไม่ใช้รายงานหรือผลลัพธ์เพื่อเริ่มการสนทนากับลูกค้าของเราละ เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากอาจขาดความรู้เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากเว็บไซต์ของตน 

ดังนั้นการแบ่งปันรายงานจากเครื่องมือเหล่านี้อาจเป็นวิธีที่ดีในการนำเสนอหัวข้อนี้ โดยเครื่องมือคำนวณคาร์บอนของเว็บไซต์โดย Wholegrain Digital เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายและมีภาพ ลองดูนะ

4. ติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้เครื่องมือเช่น Ecoping ต่อไป: การทราบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเว็บไซต์ของเราเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ดีไปกว่านั้นคือการมีแดชบอร์ดที่สามารถติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ทุกวัน ซึ่งช่วยให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป โดย Ecoping เป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้เราทำเช่นนั้นได้

5. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความยั่งยืนของเว็บให้มากขึ้นในหมู่เพื่อนร่วมงานและภายในชุมชน: หากเป็นไปได้ให้ลองเข้าร่วม MeetUps การตลาดดิจิทัลในท้องถิ่นหรือกิจกรรมอื่นๆ การค้นหาคนในพื้นที่ที่มีความสนใจคล้ายกันอาจเป็นวิธีที่ดีในการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง

6. คำนึงถึงการกระทำทางดิจิทัลของเราเองและผลกระทบที่เกิดขึ้น: การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีการปล่อย CO2 มากถึง 91 กิโลกรัม (มากกว่า 200 ปอนด์เล็กน้อย) สำหรับโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องที่ผลิต เกือบครึ่งหนึ่งของ CO2 (43%) ที่สร้างขึ้นหรือใช้ในช่วงวงจรชีวิตของโทรศัพท์มือถือเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนของวัตถุดิบ 

ซึ่งเกิดจากเครื่องจักรที่ใช้ในการค้นพบ สกัด และกลั่นปิโตรเลียมที่จำเป็นในการผลิตพลาสติก ดังนั้นการใช้โทรศัพท์เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี แทนที่จะเป็น 2-3 ปีโดยทั่วไป ผลกระทบด้านคาร์บอนต่อปีในการใช้งานสามารถลดลงได้ 50% และผลกระทบจากน้ำอาจลดลงครึ่งหนึ่ง

7. เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ (หรือการเปลี่ยนผ่าน) การออกแบบเว็บไซต์คาร์บอนต่ำ: แม้ว่าทุกคนอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่การเปลี่ยนมาใช้การออกแบบเว็บไซต์แบบคาร์บอนต่ำ หรือแม้แต่ทำให้เว็บไซต์ของเรามีคาร์บอนน้อยลง ก็จะเป็นวิธีที่ดีในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเราเอง 

โดย Nick Lewis นักพัฒนาเว็บที่ยั่งยืนยังได้สร้างเว็บไซต์ที่นำเสนอเว็บไซต์ที่มีคาร์บอนต่ำอีกด้วย จากการสอบถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสร้างไซต์ที่มีคาร์บอนต่ำ

8. การประชุม Pitch พูดถึงความยั่งยืนของ SEO และทำให้เว็บเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น: ครั้งต่อไปที่มีการประชุม SEO, การตลาดดิจิทัล หรือนักพัฒนาเว็บ ควรยอมรับหัวข้อพูดคุยใหม่ๆ ทำไมไม่ลองเสนอหัวข้อเพื่อทำให้เว็บเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นล่ะ หรือจะเป็นการโพสต์บนบล็อก พ็อดคาสท์ และแม้แต่เนื้อหาโซเชียลมีเดียที่ยอดเยี่ยม

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักพัฒนาเว็บสำหรับโลกสมัยใหม่ที่มีการตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นมากด้วย ช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อคุณภาพชวิตของผู้คนในสังคม และอนาคตของลูกหลานของเรานะครับ

 

 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก: searchengineland

 

บทความ

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

WordPress ต้องใช้ Web Hosting เพราะ Web Hosting เป็นที่ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ รวมถึงทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

Dwell Time เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้และคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ การเพิ่ม Dwell Time จึงเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง SEO และผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ในการปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยการปรับแต่งทั้งด้านในและด้านนอกของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate) ใน SEO เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ... อ่านเพิ่มเติม

Impressions คืออะไร

Impressions คืออะไร

Impressions คือการวัดการแสดงผลของเนื้อหาหรือโฆษณาบนหน้าจอของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงการเข้าถึงและการมองเห็นแบรนด์หรือเนื้อหาของเราในตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

Page Speed เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้มีความสุขในการใช้งาน ทำให้โอกาสในการทำอันดับในผลการค้นหาดีขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility หรือการเข้าถึง คือการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้โดยผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการเคลื่อนไหว การได้ยิน หรือการมองเห็น ... อ่านเพิ่มเติม

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

การทำ International SEO ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงผู้ใช้จากหลายประเทศและหลายภาษาได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ยกระดับการแสดงผลในผลการ ... อ่านเพิ่มเติม

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google มักจะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ละเมิดกฎและข้อกำหนดของ Google Search หรือ Google Play Store ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม