10 เม.ย. 2566
802
เศรษฐศาสตร์จุฬาฯ อนุญาตให้นิสิต ทำการบ้านด้วย ChatGPT ด้วยเหตุผลอะไร
ล่าสุดคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ออกมาเผยคอนเซปต์การเรียนรู้ในโลกยุคดิจิทัล โดยเน้นทดลองการใช้เทคโนโลยีเพื่อเรียนรู้เท่าทันและค้นพบดีมานด์ใหม่
ซึ่งได้เปรียบการแข่งขันยุคใหม่เหมือนหนังไอรอนแมน หมดยุคกังวลเรื่อง AI แย่งงานคน แต่จะกลายเป็นคนต้องรวมพลังกับ AI เพื่อแข่งขันกันเอง!
รศ.วรประภา นาควัชระ ผู้ช่วยอธิการบดีและอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของวิชาเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital and Innovative Economy) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Econ Connect ว่า
“วิชาเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม เปิดการเรียนการสอนมา 7-8 ปี โดยมีการสอนให้นิสิตรู้จักกับ Digital Economy หรือระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัล และมีผลทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
ดังนั้น หลักคิดและการคำนวณทางเศรษฐศาสตร์จึงต้องเปลี่ยนตาม อาทิ GDP แบบดั้งเดิมไม่สามารถเก็บตัวเลขได้ทั้งหมดอีกต่อไป โดยเนื้อหาที่สอนนั้นได้มีการเปลี่ยนทุกปีให้ตามทันเทคโนโลยีใหม่ๆ และได้เชิญวิทยากรภายนอกที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง”
เหตุผลอะไรที่อนุญาตให้นิสิตสามารถทำการบ้านด้วย ChatGPT ส่งได้
ซึ่ง รศ.วรประภา กล่าวว่า ปีนี้ได้อนุญาตให้นิสิตทำการบ้านด้วย ChatGPT โดยมีวัตถุประสงค์คือ การเข้าใจและเรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยี ว่ามีความสามารถและข้อจำกัดอย่างไร
โดยโจทย์คือ การเขียนนิยายส่งด้วย AI เช่น ChatGPT และสร้างรูปประกอบโดยใช้ AI เช่น Midjourney และ Dall-E เป็นต้น
และท้ายที่สุดแล้วนิสิตจะเป็นผู้ค้นพบข้อจำกัดเองว่า หากต้องการทำนิยายต่อเนื่องหลายหน้า ChatGPT จะไม่สามารถทำได้ดี
เนื่องจากยังต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ หรือความคิดนอกกรอบของมนุษย์เข้าไปเติมเต็ม และจะมีการนำมาถกเถียงร่วมกันต่อในห้องเรียน ถึงการใช้งานในโลกจริงที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกทั้ง เราเลยจุดที่จะมานั่งกังวลว่า AI จะมาแย่งงานคนแล้ว และสมัยก่อนเป็นยุคของคนแข่งขันกับคน ถัดมาเป็น AI แข่งกับ AI จนกระทั่งในปัจจุบันเราก้าวสู่ยุค คน+AI แข่งกับ คน+AI ยกระดับเป็น super human
เช่นเดียวกับยุคสมัยที่เครื่องคิดเลขถูกคิดค้นขึ้นมา คือทุกคนต้องหัดใช้เครื่องคิดเลข เนื่องจากทุกคนเริ่มใช้กัน แม้วันนี้เครื่องมือใหม่ๆ อาจดูใช้งานยาก แต่คนที่ใช้เป็นก่อนย่อมมีโอกาสได้เปรียบเป็นผู้ชนะ
รศ.วรประภา ได้เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ โดยกล่าวว่า
“ในหนังเรื่อง Iron Man พระเอกจะมี Jarvis ที่เป็น AI คอยเป็นผู้ช่วยประมวลผลตอบคำถาม และมีชุดเกราะสีแดงช่วยให้สะเทินบกสะเทินน้ำ นั่นคือตัวอย่างของการที่คนเอาเทคโนโลยีมาเพิ่มความสามารถของตนเอง ทำให้ทั้งสมองคิดคำนวณได้ไวขึ้น และร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ก้าวข้ามข้อจำกัดของการเสื่อมตามธรรมชาติของมนุษย์”
เพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ด้วยเทคโนโลยี
รศ.วรประภา กล่าวว่า หัวใจสำคัญ คือ การเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันคือ AI แต่อนาคตอาจจะเป็นอย่างอื่นได้อีก ควอนตัมเทคโนโลยีอาจมาแทนที่ก็เป็นได้
ดังนั้นจึงต้องเปิดใจพร้อมเรียนรู้ใหม่ตลอดเวลา โดยส่วนตัวนั้นไม่มีความกลัวเรื่องดิสรัปชัน กลับรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้เศรษฐกิจเกิดประสิทธิภาพดีขึ้น คือ ผลผลิตที่มากขึ้นท่ามกลางประชากรโลกลดลง
เมื่อมีดิสรัปชันใหม่เข้ามาจะเกิดอะไรขึ้น
รศ.วรประภา กล่าวว่า เมื่อมีดิสรัปชันใหม่เข้ามา จะทำให้เกิดความต้องการใหม่ๆ (New Demand) เช่น การแอบใช้ ChatGPT ในการเขียนรายงาน หรือข้อสอบที่มีกติกาว่าห้ามใช้ AI
ดังนั้นฝั่งสถาบันการศึกษาจะต้องหาเครื่องมือมาตรวจสอบงานที่ถูกเขียนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI Detection Tool) ซึ่งนักธุรกิจที่เห็นโอกาสนี้ ก็สร้างเครื่องมือเหล่านี้ออกมาสู่ท้องตลาด
อย่างไรก็ตาม แม้ฝั่งสถาบันการศึกษาจะเตรียมความพร้อมเด็กรุ่นใหม่ให้ได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี และมีการเปิดสถาบันการศึกษาเพื่อให้คนทำงานเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น ในจุฬาฯ มีการเก็บสะสมวิชาเรียนแบบ Credit Bank แต่ในโลกจริงยังต้องการคนช่วยกันใช้เทคโนโลยีให้มากพอ
เพื่อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีที่ออกมาใหม่สามารถทำอะไรได้บ้าง แล้วสังคมจะพบว่า หลายปัญหานั้นไม่สามารถแก้ด้วยเทคโนโลยีชนิดเดียว ซึ่งจะมีคนหาโอกาสพัฒนาต่อเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างนี้เรื่อยไป ศ.ดร.วรประภา กล่าว
สำหรับคลิปฉบับเต็ม รับชมได้ทางยูทูปและพอดแคสต์ในรายการ Econ Connect โดยศิษย์เก่าและอาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันนำความรู้และมุมมองด้านเศรษฐศาสตร์มาสื่อสารกับสังคม
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ChatGPT ได้ที่ด้านล่างนี้ :
“หวังว่าบทความนี้เป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย”
---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก : pptvhd36 / สำนักข่าวอินโฟเควสท์ / moneyandbanking