02 เม.ย. 2567

452

วิธีการแข่งขัน SEO เพื่อบรรลุอันดับที่สูงขึ้น (เหนือกว่าคู่แข่งของเรา) by seo-winner.com

วิธีการแข่งขัน SEO เพื่อบรรลุอันดับที่สูงขึ้น (เหนือกว่าคู่แข่งของเรา)

การแข่งขันในด้านการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา (SEO) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต่อเนื่อง ซึ่งต้องการการวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบ การปรับแต่งเนื้อหาอย่างมีกลยุทธ์ และการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาและปรับปรุงตำแหน่งของเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google 

โดยมุ่งเป้าไปที่การเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและดึงดูดการจราจรเว็บไซต์ที่เป้าหมายและมีคุณภาพสูงมายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในสนามการตลาดออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงและตลอดเวลานั่นเองครับ

ก่อนจะเข้าเรื่องเรามาดูสถิติเว็บไซต์ที่ทำ SEO กับเว็บไซต์ที่ไม่ทำ SEO

เว็บไซต์ที่ใช้กลยุทธ์ SEO มักจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ทำ SEO ในหลายๆ ด้าน เช่น การได้รับ Traffic และการมองเห็นในผลการค้นหา 

ตัวอย่างเช่น หน้าที่มีข้อความสัญญาณที่ตรงกับคำค้นหาอาจมี Traffic มากถึงห้าเท่าเมื่อเทียบกับหน้าที่ไม่มี นอกจากนี้เพจที่เผยแพร่ใหม่จากเว็บไซต์ที่มีดัชนีการให้คะแนนโดเมนสูงมีโอกาสที่จะถูกระบุตำแหน่งบนหน้าแรกของผลการค้นหาเร็วกว่าเว็บไซต์ที่มีคะแนนโดเมนต่ำ 

การใช้งานมือถือเพื่อการค้นหามีส่วนแบ่งมากกว่า 55% ทำให้ SEO บนมือถือกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งขึ้น เนื่องจาก Google ได้ย้ายไปสู่การจัดทำดัชนีแบบมือถือเป็นหลัก 

ด้านการค้นหาในท้องถิ่นเกือบ 1 ใน 3 ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาธุรกิจท้องถิ่นทุกวันในปี 2019 และการค้นหาท้องถิ่นประมาณ 28% นำไปสู่การทำธุรกรรม ตลาดบริการ SEO ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตถึง 103.24 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เลยทีเดียว!

วิธีการแข่งขัน SEO เพื่อบรรลุอันดับที่สูงขึ้น

1. กำหนดการแข่งขัน

การกำหนดการแข่งขัน SEO เริ่มต้นด้วยการระบุคู่แข่งหลักของเราในด้านการจัดอันดับและคำค้นหาทางออร์แกนิก จากนั้นตรวจสอบคะแนนอำนาจหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คู่แข่ง 

ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อคะแนนนี้รวมถึงเนื้อหาคุณภาพสูง, โปรไฟล์ลิงก์ย้อนกลับที่แข็งแกร่ง, สัญญาณ E-E-A-T, อายุเว็บไซต์, ประสบการณ์ผู้ใช้งาน, สัญญาณโซเชียล, ชื่อเสียงแบรนด์ และสัญญาณจากผู้ใช้งานที่เป็นบวก

การวิเคราะห์ช่องว่างคำค้นหาเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนี้ เป้าหมายคือการระบุคำค้นหาที่คู่แข่งของเรากำลังจัดอันดับ แต่เราไม่ได้จัดอันดับ เพื่อเราสามารถปรับปรุงเนื้อหาที่มีอยู่หรือสร้างหน้าใหม่สำหรับคำค้นหาเหล่านั้น

นอกจากนี้ ยังควรติดตามคำค้นหาใหม่ที่คู่แข่งกำลังจัดอันดับ เพื่อดูว่าเราควรมีเป้าหมายไปที่คำค้นหาเหล่านั้นหรือไม่ โดยการวิเคราะห์เนื้อหาของคู่แข่งเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประเภทเนื้อหาที่พวกเขาโพสต์, การใช้คำค้นหา, คุณภาพการเขียน, และระดับความลึกของเนื้อหา 

จากการวิเคราะห์นี้ เราสามารถระบุโอกาสในการปรับปรุงหรือสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่งของเรา อย่างไรก็ตามการตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับของคู่แข่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์การแข่งขัน SEO ด้วย เนื่องจากหน้าที่มีลิงก์ย้อนกลับจำนวนมากมักจะมีอันดับที่สูง

2. จัดลำดับความสำคัญแหล่งที่มาของการเข้าชม

การวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์จาก 3.25 พันล้านครั้งเผยให้เห็นว่า แหล่งที่มาหลักของการเข้าชมเว็บมาจากการค้นหา โดย Google ขับเคลื่อนการเข้าชมมากกว่าโซเชียลมีเดียทั้งหมดรวมกันถึง 8 เท่า 

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเช่นสุขภาพและการแพทย์ที่พึ่งพา Google มากที่สุดสำหรับการเข้าชม ในขณะเดียวกัน Facebook ยังคงเป็นแหล่งที่มาของการเข้าชมจากโซเชียลมีเดียหลักสำหรับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่

2.1. วิเคราะห์ Keywords ของคู่แข่ง: การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่งเป็นกระบวนการที่สำคัญใน SEO เพื่อทำความเข้าใจว่าคู่แข่งของเรากำลังจัดอันดับสำหรับคำค้นหาใด และค้นหาช่องว่างหรือโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของเราเอง 

ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Semrush หรือ Ahrefs เพื่อดำเนินการวิเคราะห์นี้ โดยเริ่มจากการระบุคู่แข่งหลักและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่พวกเขาจัดอันดับ ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เรายังไม่ได้จัดอันดับ และพิจารณาเพิ่มเนื้อหาใหม่หรือปรับปรุงเนื้อหาที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อครอบคลุมคีย์เวิร์ดเหล่านั้น

2.2. สำหรับเนื้อหากลยุทธ์ SEO ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะคู่แข่ง: การใช้เนื้อหากลยุทธ์ SEO เป็นกุญแจในการเอาชนะคู่แข่งโดยการสร้างเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาอย่างแม่นยำ เพิ่มความเกี่ยวข้องและมูลค่าให้กับผู้อ่าน ทำให้เว็บไซต์โดดเด่นและเชื่อมโยงได้ดีขึ้นในผลการค้นหา

อย่างไรก็ตาม การใช้กลยุทธ์เนื้อหา SEO คือการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเพื่อเข้าใจความต้องการของผู้ใช้, สร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น และใช้ประโยชน์จากการปรับแต่งองค์ประกอบ SEO เช่นเมตาแท็กและโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงการมองเห็นและอันดับในผลการค้นหา

2.3. ติดตามการกล่าวถึงคู่แข่งของเรา: การติดตามการกล่าวถึงคู่แข่งสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือตรวจสอบแบรนด์ออนไลน์ เช่น Google Alerts หรือ Mention ซึ่งช่วยให้เราตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อมีการกล่าวถึงชื่อคู่แข่งของเราบนเว็บหรือโซเชียลมีเดีย 

โดยทำให้เราสามารถติดตามกลยุทธ์และความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยให้เราวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและปรับกลยุทธ์ของเราให้เหมาะสมได้อย่างแม่นยำเลยละครับ

2.4. สร้างลิงก์ย้อนกลับไปยังเว็บไซต์ของเรา: การสร้างลิงก์ย้อนกลับคือกระบวนการที่เราได้รับลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SEO 

โดยเราสามารถทำได้โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีค่าแก่การแชร์, การเข้าร่วมกับชุมชนออนไลน์, การเขียนบทความแขกบนเว็บไซต์อื่น หรือการเสนอข้อมูลมูลค่าเพิ่มให้กับเว็บไซต์เหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเรา

2.5. ปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเรา: การปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์เราสามารถทำได้โดยการเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้า ทำให้เว็บไซต์มีการตอบสนองกับอุปกรณ์ต่างๆ ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ และใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในเนื้อหาของเรา 

นอกจากนี้ การเพิ่มลิงก์ภายในและการใช้แท็กหัวข้อที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้นและแม่นยำนั่นเองครับ

2.6. วิจัยเว็บไซต์คู่แข่ง: การวิจัยเว็บไซต์คู่แข่งสำหรับ SEO คือการวิเคราะห์เว็บไซต์ของคู่แข่งเพื่อระบุกลยุทธ์ที่พวกเขาใช้, คำค้นหาที่พวกเขาเป้าหมาย และเนื้อหาที่ช่วยให้พวกเขาอยู่ในอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงและปรับแต่งกลยุทธ์ SEO ของเราให้ดียิ่งขึ้น 

ซึ่งการวิเคราะห์นี้สามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือเช่น Ahrefs, SEMrush หรือ Moz เพื่อตรวจสอบโปรไฟล์ลิงก์ย้อนกลับ, คีย์เวิร์ด และเนื้อหาที่ดึงดูดการเข้าชม

3. เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเราสำหรับการค้นหาบนมือถือ

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์สำหรับการค้นหาบนมือถือ เราควรใช้การออกแบบที่ตอบสนองได้ เพื่อให้เนื้อหาและโครงสร้างเหมาะกับหน้าจอขนาดต่างๆ ลดเวลาโหลดหน้าด้วยการเพิ่มความเร็วของเซิร์ฟเวอร์และการบีบอัดไฟล์ และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้โดยการใช้ขนาดตัวอักษรและปุ่มที่เหมาะสมสำหรับการแตะบนหน้าจอสัมผัส

3.1. ประเมินสัญญาณทางสังคม: สัญญาณทางสังคมอาจไม่เป็นปัจจัยโดยตรงในอัลกอริธึมของ Google SEO แต่สามารถสะท้อนถึงความนิยมและความเกี่ยวข้องของเนื้อหา 

ซึ่งการมีการแชร์, คอมเมนต์ และไลค์จำนวนมากบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สามารถเพิ่มการมองเห็นและขับเคลื่อน Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ของเรา ซึ่งอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO โดยอ้อม

3.2. ใช้กลยุทธ์ SEO เพื่อเอาชนะคู่แข่ง: เพื่อใช้กลยุทธ์ SEO อย่างมีประสิทธิภาพในการเอาชนะคู่แข่ง เราต้องเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์คู่แข่งอย่างละเอียด เพื่อเข้าใจกลยุทธ์และจุดแข็งของพวกเขา 

จากนั้น พัฒนาเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง, ครอบคลุม และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้มากกว่าคู่แข่ง ใช้คีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพและปรับปรุงโครงสร้างภายในเว็บไซต์ 

เพื่อให้มีความเกี่ยวข้องและง่ายต่อการนำทาง การสร้างลิงก์ย้อนกลับคุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์เรา ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเอาชนะคู่แข่งในผลการค้นหา

สรุปกลยุทธ์ SEO ไว้ให้เลือกนำไปปรับใช้: กลยุทธ์ SEO ประกอบไปด้วยหัวข้อหลักๆ ดังนี้

1. การวิจัยคีย์เวิร์ด

2. การปรับปรุงเนื้อหา

3. การปรับใช้โครงสร้างเว็บไซต์และ HTML

4. การสร้างลิงก์ย้อนกลับ

5. การใช้งานโซเชียลมีเดีย

6. การปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้า

7. การทำให้เว็บไซต์เหมาะสำหรับมือถือ

8. การวิเคราะห์และติดตามผล

9. การสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้

10. การใช้เมตาแท็กและแท็กหัวข้ออย่างเหมาะสม

11. การใช้งานรูปภาพและวิดีโอเพื่อเสริมเนื้อหา

12. การจัดการกับปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน

13. การใช้งาน Schema Markup

14. การจัดการกับ 404 Errors และการรีไดเร็กต์

15. การใช้งาน Google My Business และ SEO ท้องถิ่น

16. การใช้งาน Rich Snippets และ Featured Snippets

17. การวิเคราะห์คู่แข่งและตลาด

18. การสร้าง Authority และ E-A-T

19. การปฏิบัติตามหลักการ Core Web Vitals

20. การใช้งาน Voice Search Optimization


 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก: นักเขียนนิรนาม

 

บทความ

ข้อดีของ Google AdWords

ข้อดีของ Google AdWords

Google Ads หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ Google AdWords เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์ที่ทรงพลัง ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ... อ่านเพิ่มเติม

5 ปลั๊กอิน Wordpress ที่จำเป็นต้องติดตั้ง

5 ปลั๊กอิน Wordpress ที่จำเป็นต้องติดตั้ง

5 ปลั๊กอิน WordPress ที่จำเป็นต้องติดตั้ง เพื่อเว็บไซต์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์ได้อย่างมากมาย ... อ่านเพิ่มเติม

ACE Indicator System เชื่อมโยงการตลาดกับ SEO

ACE Indicator System เชื่อมโยงการตลาดกับ SEO

ACE Indicator System และการใช้ SEO เข้าใจความเชื่อมโยงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น การนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันจะช่วยให้สามารถปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

PageSpeed Insights กับ GTmetrix

PageSpeed Insights กับ GTmetrix

PageSpeed Insights กับ GTmetrix เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการวัดประสิทธิภาพและความเร็วของเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์สามารถระบุปัญหาที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ... อ่านเพิ่มเติม

Total Blocking Time คืออะไร

Total Blocking Time คืออะไร

Total Blocking Time (TBT) เป็นหนึ่งในเมตริกที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยวัดระยะเวลาที่เว็บไซต์ถูกบล็อกจากการตอบสนองต่อผู้ใช้ เนื่องจาก JavaScript ที่ใช้เวลานานในการทำงาน ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมการทำเว็บไซต์ต้องรู้จัก Core Web Vitals

ทำไมการทำเว็บไซต์ต้องรู้จัก Core Web Vitals

ทำไมการทำเว็บไซต์ต้องรู้จัก Core Web Vitals ชุดของเมตริกที่ Google ใช้ในการวัดประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience UX) บนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นปัจจัยการจัดอันดับของ Google ... อ่านเพิ่มเติม

Topical Authority  กับการจัดอันดับเว็บไซต์

Topical Authority กับการจัดอันดับเว็บไซต์

Topical Authority กับการจัดอันดับเว็บไซต์ เมื่อ Google มองว่าเว็บไซต์มีความรู้และความเชี่ยวชาญในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเป็นพิเศษ เว็บไซต์นั้นก็จะได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

ปลั๊กอิน Elementor สำหรับคนทำ Wordpress

ปลั๊กอิน Elementor สำหรับคนทำ Wordpress

ปลั๊กอิน Elementor สำหรับคนทำ Wordpress ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ใช้งานง่ายและฟีเจอร์ที่หลากหลาย ทำให้สามารถสร้างหน้าเว็บไซต์ที่สวยงามและเป็นมืออาชีพได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย ... อ่านเพิ่มเติม

Content Uniqueness คอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Content Uniqueness คอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Content Uniqueness ความเป็นเอกลักษณ์ของคอนเทนต์ ความโดดเด่นและแตกต่างของเนื้อหาที่สามารถสร้างความสนใจและดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี ... อ่านเพิ่มเติม