26 ก.ค. 2565
1831
ROI คืออะไร (Return on Investment)
หากผู้อ่านสนใจที่จะทำการลงทุนไม่ว่าจะลงทุนขนาดไหนก็ตามก็ควรที่จะรู้จัก ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ด้วยครับ เพราะจะทำให้ธุรกิจของท่านดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำผลลัพธ์ไปปรับปรุงเพื่อให้ธุรกิจของท่านนั้นมีประสิทธิภาพขึ้นได้อีกอย่างมากมาย
Return on Investment (ORI) คืออะไร
ROI (Return on Investment) หมายถึงผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นการวัดประสิทธิภาพ ที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพหรือความสามารถในการทำกำไรของการลงทุน หรือเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการลงทุนที่แตกต่างกันจำนวนหนึ่ง ROI พยายามวัดปริมาณผลตอบแทนจากการลงทุนเฉพาะ สัมพันธ์กับต้นทุนของการลงทุนโดยตรง
ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนในด้านใดที่ใช้จำนวนเงิน (ทุน) ในการลงทุนก็สามารถวัดค่า ROI ได้ เช่น การทำ Google Ads การทำโฆษณาต่างๆ หรือแคมเปญต่างๆ หาก ROI นั่นสูงหมายความว่าจำนวนเงินที่ลงทุนไปสามารถได้ผลลัพธ์ที่มากกว่านั่นเอง
อย่างไรก็ตามการคำนวณ ROI ผลตอบแทน (หรือผลประโยชน์) ของการลงทุนจะถูกหารด้วยต้นทุนของการลงทุน ซึ่งผลลัพธ์จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์หรืออัตราส่วนนั่นเอง
ความสำคัญของ Return on Investment (ORI)
แน่นอนครับไม่ว่าธุรกิจไหนก็ต้องให้ความสำคัญกับ ORI เราจะสังเกตเห็นได้ว่าในปัจจุบันข่าวสารต่างๆ สื่อวิดีโอภาพความบันเทิงต่างๆ ได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก จึงทำให้มีการนิยมทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ ตัวอย่างเช่น Facebook Ads และ Google Ads (Adwords) เพราะทำให้ทราบรายได้ “ที่ได้รับจากการลงโฆษณา”
ที่สำคัญยังสามารถบอกให้เรานั้นทราบได้ว่าการสร้างแคมเปญต่างๆ นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ และเรายังสามารถเปรียบเทียบได้ว่าแคมเปญไหนได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จะส่งผลให้การวางแผนการตลาดของเรานั้นแม่นยำมากยิ่งขึ้น และนำไปสู่ธุรกิจที่เติบโตขึ้นนั่นเองครับ
ดังนั้นก็ไม่ควรพลาดที่จะทำ ถ้าหากไม่ทำคุณก็จะไม่รู้ทิศทางของธุรกิจ ความคุ้มค่า ผลลัพธ์ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ในการทำธุรกิจของคุณนั่นเอง
ROI ที่ดีเป็นอย่างไร
สิ่งที่มีในคุณสมบัติ ROI ที่ดีจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุน และเวลาที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน หรือนักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยงจะยอมรับ ROI ที่ต่ำกว่าเพื่อแลกกับความเสี่ยงที่น้อยลง ในขณะเดียวกันการลงทุนที่ใช้เวลานานกว่าในการชำระคืน ก็มักจะต้องการ ROI ที่สูงขึ้นเพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุนนั่นเอง
ROI มีความสามารถอย่างไรบ้าง
- หากจะทำให้เป็น ROI ที่ดีและมีประสิทธิภาพได้ก็ควรนำมาเปรียบเทียบกับโอกาสอื่นๆ ที่มีอยู่
- สามารถใช้ ROI เพื่อทำการเปรียบเทียบระหว่าง…A...กับ…B...และจัดการอันดับการลงทุนในโครงการหรือสินทรัพย์ต่างๆ
- ROI แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์และคำนวณโดยการหารกำไรสุทธิ (หรือขาดทุน) ของการลงทุนด้วยต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
- ROI เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไร ซึ่งใช้ในการประเมินว่าการลงทุนดำเนินไปได้ดีเพียงใด
การคำนวณ ROI (สูตรการคำนวณ ROI)
กำไรสุทธิ = รายรับ - ต้นทุน
ROI = (กำไรสุทธิ/ต้นทุน) x 100
ตัวอย่างวิธีการคำนวณ "บริษัทรับทำเว็บไซต์ลงทุนทำเว็บไซต์ด้วยเงิน 200,000 บาท และมีลูกค้าสนใจทำเว็บไซต์ไป 600,000 บาท"
กำไรสุทธิ = 600,000 - 200,000 = 400,000 บาท
ROI = (400,000/200,000) x 100
ดังนั้น ROI = 200%
หวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจและรู้จักประโยชน์ของ ROI มากขึ้นกว่าเดิมไม่มากก็น้อย ซึ่งสามารถทำให้ท่านได้รู้ผลลัพธ์ในการลงทุน และสามารถตัดสินใจได้ว่าจะลงทุนแคมเปญไหนที่ได้ผลลัพธ์มากว่า
ทั้งนี้การลงทุนต้องอาศัยกลยุทธ์รอบด้าน เพราะทุกๆ กลยุทธ์มีผลต่อการลงทุนทั้งนั้นถ้าหากท่านสนใจสามารถอ่านรายละเอียดกลยุทธ์ต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ seo-winner.com ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
-Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก : investopedia.com / thaibusinesssearch.com