06 ก.ค. 2564
1511
Stay-at-Home Economy
พฤติกรรมการซื้อสินค้าในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือ การเกิดขึ้นของ COVID-19 เป็นตัวเร่งให้คนเข้าสู่ Online Shopping จนกลายเป็นความคุ้นชิน และส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปแล้ว ใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้บ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นทั้งที่ทำงาน ที่เรียนหนังสือ เป็นที่พบปะกับเพื่อนๆ
วันนี้เราจะมาพูดถึงแนวทาง ที่จะช่วยให้แบรนด์เพิ่มโอกาสของธุรกิจได้ ด้วยเทรนด์ Stay-at-Home Economy นั่นเอง
จากรายงาน The Next Big Trend: Stay-at-Home Economy วิจัยโดย Ryan Lin ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย, Ipsos ฉายภาพ 4 แนวทางที่ช่วยให้องค์กร หรือแบรนด์ปรับตัวภายใต้แนวโน้ม Stay-at-Home Economy
1. แบรนด์ที่นำเสนอข้อมูลได้รวดเร็ว ถูกต้อง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
วันนี้ช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นแพตฟอร์มไหนก็ตาม ได้กลายเป็นช่องทางจับจ่ายสำคัญของผู้บริโภคยุคนี้ไปแล้ว แบรนด์ไหนที่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน และละเอียดครบถ้วน เพื่อให้ผู้บริโภคประกอบการพิจารณาเลือกซื้อนั้น จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้แบรนด์นั้นๆ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคนั่นเองค่ะ
2. ออนไลน์ ผสานบริการหน้าร้าน ทำความเข้าใจ Path to Purchase ของผู้บริโภคได้ดีขึ้น
แน่นอนว่า Stay-at-Home Economy ทำให้การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้น และกลายเป็นโอกาสของแบรนด์ในการเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์จะหันไปโฟกัสออนไลน์อย่างเดียว เพราะถึงอย่างไร Physical Shop ยังคงมีบทบาทต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไม่น้อย ควรทำความเข้าใจผู้บริโภคได้ดีขึ้น แบรนด์ควรผสานการให้บริการทั้งหน้าร้าน กับช่องทางออนไลน์เข้าด้วยกัน และควบคู่กับการทำวิจัยการตลาด เพื่อช่วยให้แบรนด์เข้าใจ Path to Purchase ของผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การวางแผนกลยุทธ์การขายทั้งหน้าร้าน และออนไลน์อยู่บนความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคนั่นเอง
3. Live Streaming
เมื่ออยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ผู้คนแสวงหาความบันเทิงภายในบ้านมากขึ้น (Home Entertainment) เช่น สมัครบริการแพลตฟอร์ม Video Streaming, ทีวีจอใหญ่, เครื่องเล่นเกม, สั่งซื้อหนังสือจากออนไลน์ สิ่งที่ตามมาคือ ในขณะที่ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายนอกบ้าน แต่ให้ความสำคัญกับการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านที่มีคุณภาพ ฟังก์ชั่นสูงขึ้น เช่น ซื้อทีวีจอใหญ่ขึ้น เพื่อให้ได้คุณภาพทั้งภาพและเสียง, ลำโพงพรีเมียม เพื่อให้ได้คุณภาพเสียง ดีๆ, ลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ สเปคสูงขึ้น
ดังนั้น ควรใช้ Live Streaming ซึ่งเป็นเทรนด์ได้รับความนิยมอย่างมาก เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มป้าหมายโดยตรง เนื่องจากปัจจุบัน Live Streaming กลายเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งของการซื้อขายผ่านออนไลน์ (Shoppertainment) ไปแล้ว
นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของแบรนด์ที่สร้างโอกาสธุรกิจบนเทรนด์ Stay-at-Home Economy เชื่อว่ายังมีอีกหลายแบรนด์ หลาย Category กำลังปรับตัวรับแนวโน้มดังกล่าวเช่นกัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้เกิดไอเดียใหม่ๆ และนำไปปรับใช้กับแบรนด์ตนเองได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
ที่มา : brandbuffet