05 พ.ค. 2561
3621
เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน Search Engine
เมื่อพฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ของผู้บริโภคสามารถเป็นข้อมูลในการพัฒนาธุรกิจของเราได้ เราจึงจำเป็นต้องเก็บข้อมูลพฤติกรรมเหล่านั้นเพื่อนำมาใช้ประกอบการทำธุรกิจของเราให้สมบูรณ์ที่สุดนั่นเอง ในขณะเดียวกันเมื่อมีการใช้งานอินเทอร์เน็ต การใช้ Search Engine เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากไม่มีผู้บริโภค การใช้งาน Search Engine ต่างๆ เหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่า Search Engine สามารถเรียนรู้ พัฒนาผลการค้นหาโดยศึกษาพฤติกรรมจากผู้ใช้งานแต่ละท่าน
ตัวอย่างเช่น
Google ที่เป็น Search Engine ที่คนส่วนใหญ่รู้จักและทำการใช้งาน ทุกครั้งที่มีคนค้นหาบน Google ทาง Google เองก็จะเก็บทุกข้อมูลทุกอย่างเหล่านั้นเอาไว้ เป็นต้น
ส่วนใหญ่ที่เราเห็นในการทำเว็บไซต์คือ ผู้คนต้องการให้ติดหน้าการค้นหาของ Google เพื่อที่จะให้ผู้ใช้งานอื่นๆ ได้เห็นเว็บไซต์ของเรานั้นก่อนใคร เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย แต่จากคำแนะนำของหัวหน้าวิศวกรของ Google นั้นมีคำแนะนำว่า เว็บไซต์นั้นๆ ควรมี Content ที่น่าสนใจเพื่อให้ประโยชน์ดับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากกว่าการสร้าง Content เพื่อ Google เช่นเดียวกันหากเว็บไซต์นั้นไม่มีข้อมูลที่ดี ที่เป็นประโยชน์(บ้าง) ต่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และประกอบกับ Google ไม่สามารถแสดงผลการค้นหาได้ดีมากพอ สุดท้ายก็จะส่งผลให้ไม่มีผู้ใช้งาน Search Engine
ลักษณะการค้นหานั้นอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.การค้นหาเพื่อต้องการทำธุรกรรม - การซื้อของออนไลน์ การฟังเพลง
2.การค้นหาเพื่อต้องการที่จะรู้ - การค้นหาข้อมูล ข้อสงสัยต่างๆ ความรู้ คำแนะนำ
3.การค้นหาเพื่อไปยังเว็บไซต์ - Facebook Twitter Youtube Pantip
พฤติกรรมทั่วไปของผู้ใช้งานโดยการทำการค้นหาผ่าน Google
ผู้ค้นหาต้องการทราบถึงคำตอบ ข้อมูลบางอย่าง และวิธีการแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ >> กระบวนการคิดของผู้ค้นหาจะเกิดคำถามอยู่ในหัวก่อนจะทำการเริ่มค้นหาบน Google ว่าจะใช้คำอะไรในการค้นหาโดยเราจะเรียกคำนั้นว่า Keyword >> ผู้ค้นหาจะทำการป้อนคำค้นหาลงในช่องค้นหาบน Google >> Google ทำหน้าที่แสดงผลการค้นหาที่สำคัญและตรงกับ Keyword มากที่สุด >> ผู้ค้นหาจะคลิก Link ของเว็บไซต์ที่ Google ได้แสดงผลขึ้นมา >> ผู้ค้นหาจะทำการอ่าน ศึกษาข้อมูลที่ทำการค้นหา หรือการหาคำตอบให้กับข้อสงสัยของตัวเอง หากเว็บไซต์นั้นมีประโยชน์หรือถูกใจ ก็จะเกิดการแชร์ต่อ หรือ Bookmark ไว้เพื่อกลับมาอีกทีหลัง (หากเว็บไซต์นั้นๆ ไม่ตรงกับความต้องการก็จะทำการปิดและย้อนกลับไปดูผลการค้นหา เพื่อไปยังเว็บไซต์อื่นต่อไป) >> หากการค้นหานั้นไม่พบตามที่ต้องการ ผู้ค้นหาอาจมีการใช้ หรือปรับเปลี่ยนคำใหม่ในการค้นหา ให้มีความเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการมากขึ้น
เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้งานสามารถเป็นตัวกำหนดการตลาดของธุรกิจเราได้ ดังนั้นความจำเป็นในการทราบข้อมูลเหล่านี้ และนำมาปรับใช้กับธุรกิจจึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก อีกทั้งสังคมในปัจจุบันที่มีการให้ความสำคัญกับโลกของอินเทอร์เน็ตมากขึ้น Search Engine มีความต้องการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ลองสังเกตง่ายๆ คือกหากเราคิดไม่ออก หรือจำไม่ได้ว่าเว็บไซต์นั้นมีชื่อว่าอย่างไร เราก็เพียงพิมพ์คำค้นหาลงบน Search Engine ที่คุ้นเคยกันดีอย่าง Google เพียงเท่านี้ก็จะสามารถทำให้เราได้ท่องเว็บไซต์ที่ต้องการ หรือการทำกิจกรรมอื่นที่ต้องการได้อย่างสบายใจมากขึ้น สะดวกทั้งผู้ประกอบธุรกิจและผู้ใช้งาน
ที่มา : stepstraining