การจัดทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพนั้น ต้องผ่านการวางแผนและการออกแบบที่ดี เมื่อช่วงยุคแรกๆ จะใช้ภาษา HTML ในการจัดทำระบบการแสดงผล ของทางด้านโครงสร้างและข้อมูลเว็บไซต์

ในปัจจุบันมีการพัฒนามาจนถึง HTML5 แล้วครับ อีกทั้งยังมีการพัฒนาภาษา ที่ใช้เพื่อกำหนดรูปแบบการแสดงผลที่หน้าเว็บไซต์ ที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่น เช่น สีอักษร สีพื้นหลัง ขนาดตัวอักษร และการจัดเลย์เอาต์ ให้สวยงาม ส่วนนี้ก็คือ CSS หรือ Style Sheets ในความหมายของโปรแกรมเมอร์นั้นก็คือ โครงสร้างแสดงผลของหน้าตาเว็บไซต์

CSS คืออะไร เราไปทำความรู้จักกัน

CSS ย่อมาจาก Cascading Style Sheet หรือที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘สไตล์ชีต’ เป็นภาษาที่ใช้ส่วนของการจัดรูปแบบการแสดงผลเอกสาร HTML โดยที่ CSS กำหนดและระบุรูปแบบ หรือ Style ของเนื้อหาในเอกสาร เช่น สีของข้อความ สีพื้นหลัง ประเภทของตัวอักษร และการจัดวางข้อความ

การกำหนดรูปแบบ หรือ Style นี้ ใช้หลักการของการแยกเนื้อหาเอกสาร HTML ออกคำสั่งที่ใช้ในการจัดรูปแบบการแสดงผล กำหนดให้รูปแบบของการแสดงผลเอกสาร ไม่ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของเอกสาร เพื่อให้ง่ายต่อการจัดรูปแบบการแสดงผลลัพธ์ของเอกสาร HTML

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเอกสารบ่อยครั้ง หรือต้องการให้ควบคุมให้รูปแบบการแสดงผลเอกสาร HTML มีลักษณะของความสม่ำเสมอทั่วกันทุกหน้าเอกสารภายในเว็บไซต์เดียวกัน  โดยกฎเกณฑ์ในการกำหนดรูปแบบ (Style) เอกสาร HTML ถูกเพิ่มเข้ามาครั้งแรกใน HTML 4.0  เมื่อปีพ.ศ. 2539 ในรูปแบบของ CSS level 1 Recommendations ที่กำหนดโดย องค์กร World Wide Web Consortium หรือ W3C

เรามาดูประโยชน์ของ CSS กันครับมีอยู่ 6 อย่าง มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ภาษา CSS Cascading Style Sheets มีประโยชน์อยู่มากมายเลยทีเดียวครับ ในส่วนนี้ทำให้การพัฒนาเว็บด้วยภาษา HTML เป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นครับ และเรามาดูกันว่า CSS ที่ดีนั้น มีผลดีต่ออันดับเว็บไซต์ ด้วย SEO อย่างไร 

1. ภาษา CSS ช่วยในการจัดรูปแบบ HTML ซึ่งจะช่วยลดการใช้ภาษา HTML ให้น้อยลง โดยเหลือเพียงแค่ส่วนที่เป็นเอกสาร ที่เป็นภาษา HTML เท่านั้นทำให้มีการแก้ไขและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
2. ทำให้ขนาดไฟล์ HTML น้อยลงเนื่องจาก ภาษา CSS จะช่วยลงการใช้ภาษา HTML ลงทำให้ขนาดไฟล์นั้นก็เล็กลงไปด้วยเช่นกันครับ
3. ภาษา CSS เป็นภาษา Style Sheets โดย Style Sheets ชุดเดียวสามารถใช้กำหนดรูปแบบการแสดงผลให้เอกสาร HTML ทั้งหน้า หรือทุกหน้ามีผลเหมือนกันได้ จึงทำให้เวลาที่มีการแก้ไขก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้นเพียงแก้ไข Style Sheets ที่ใช้งานเพียงชุดเดียวเท่านั้นครับ
4. ทำให้เว็บไซต์มีมาตรฐานเพราะการใช้งาน CSS นั้นจะทำให้การแสดงผลในสื่อต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนไปได้อย่างเหมาะสม เช่น  การแสดงผลบนหน้าจอ และการแสดงผลในมือถือนั่นเองล่ะครับ
5. CSS สามารถที่จะใช้งานได้หลากหลาย เว็บเบราว์เซอร์ ทำให้การใช้งานนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ
6. CSS สามารถกำหนดแยกไว้ต่างหากจากไฟล์เอกสาร HTML และสามารถนำมาใช้ร่วม กับเอกสารหลายไฟล์ได้ การแก้ไขก็แก้เพียง จุดเดียวก็มีผลกับเอกสารทั้งหมดแล้วครับ

CSS กับ HTML นั้นทำหน้าที่คนละอย่างกัน โดย HTMLจะทำหน้าที่ในการวางโครงร่างเอกสารอย่างเป็นรูปแบบ  ถูกต้อง เข้าใจง่าย  ไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงผล  ส่วน CSS จะทำหน้าที่ในการตกแต่งเอกสารให้สวยงาม เรียกได้ว่า HTML คือส่วน coding ส่วน  CSS คือส่วน design

 

     

 

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก : seo-winner.com