28 มิ.ย. 2565

869

กระบวนการสร้าง content สายสร้างคอนเทนต์ หรือ SEO คอนเทนต์ก็ไม่ควรพลาด! by seo-winner.com

กระบวนการสร้าง content สายสร้างคอนเทนต์ หรือ SEO คอนเทนต์ก็ไม่ควรพลาด!

เมื่อเราเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์ เช่น คอนเทนต์ที่มีโจทย์มาให้ คอนเทนต์ที่ต้องสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับธุรกิจหรือบริษัท และคนเทนต์อื่นๆ ต่างก็ต้องสร้างขึ้นเพื่อให้ได้รับการตอบสนอง และการแบ่งความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้คนในสังคมได้รับรู้

ซึ่งการสร้างคอนเทนต์มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่เป้าหมาย และกลยุทธ์ของการสร้าง เช่นสร้างเพื่อให้ถูกใจ Google เพื่อพิจารณาในการติดอันดับ (SEO) ธุรกิจแบรนด์ การตลาด และอื่นๆ มากมาย โดยบทความนี้เราจะไม่ได้ลงลึกทุกขั้นตอน

บทความนี้เราเพียงแค่จะมาแบ่งปันเคล็ดลับภาพรวมต่างๆ ของการสร้างคอนเทนต์ที่มีอยู่เพื่อให้ท่านได้นำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการสร้างคอนเทนต์ของท่านให้ดีขึ้นได้อีกก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นเราไปดูกันเลย เพื่อให้มีพื้นที่ความคิดที่สร้างสรรค์มากขึ้นครับ

1. ตั้งจุดประสงค์และเป้าหมาย

เช่นงานที่คุณทำเกี่ยวกับอะไร เราจะสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร หรือแบรนด์คุณทำการตลาดกับใคร คุณต้องการจะสื่อสาร ส่งสาร ไปยังกลุ่มเป้าหมายใด หลังจากที่คุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร คุณก็จะสื่อสารได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ตรงตามต้องการเพราะมีความเข้าใจทางด้านความคิดนั่นเอง ซึ่งการใช้จิตวิทยาก็เป็นส่วนสำคัญที่คุณต้องใส่กลยุทธ์ลงไปด้วย

ทางที่ดี การศึกษาพฤติกรรมก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน คุณจะรู้ว่าจะสร้างคอนเทนต์อย่างไร โน้มน้าวอย่างไร ใช้วิธีการเขียนอย่างไร เพื่อให้ได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม แต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณต้องใส่ความจริงใจเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นวิธีการโน้มน้าวและสื่อสารอย่างจริงใจ โดยเป็นพื้นฐานที่ควรมีเพราะส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกผู้เสพคอนเทนต์ของคุณนั่นเอง (ลองนึกภาพและจินตนาการดูนะครับ) คอนเทนต์จะเป็นที่จดจำและเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพด้วย จากนั้นเริ่มลงมือสร้างกลยุทธ์ได้เลย

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่เขียน SEO คอนเทนต์เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของ Google ที่มีอัลกอริทึมคอยมาเก็บเนื้อหาของคุณอยู่ เพราะเป้าหมายคือการติดอันดับก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ครับ ไม่เพียงแต่เป้าหมายเดียวคือการติดอันดับ แต่การนึกถึงผู้ที่มาอ่านเนื้อหาของคุณก็สำคัญเช่นกันครับ

2.  สร้างความคิด และกลั่นไอเดียออกมา (โดยเริ่มจากคิดบวก)

เมื่อคุณได้ “หลัก” ที่จะกำหนดเป้าหมายแล้ว ต่อจากนี้คือการระดมความคิด สร้างสรรค์ไอเดียออกมาที่เกี่ยวกับแนวคิดเนื้อหาฯ ซึ่งมีงานวิจัยของ HubSpot แสดงให้เห็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการระเบียบเนื้อหา “คือการจัดการกลุ่มหัวข้อ”

ซึ่งหมายความว่า คุณสร้างหน้าหลักที่มีรูปแบบยาว และครอบคลุมโดยอิงตามคำหลักที่เชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่คุณสร้างในหัวข้อย่อยที่เกี่ยวข้อง 

หรือโมเดล “กลุ่ม” หัวข้อ ทำให้การระดมความคิดง่ายขึ้นมาก เพราะตอนนี้คุณมีโครงสร้างที่ต้องปฏิบัติตามแล้ว เช่นคุณสามารถใช้คีย์เวิร์ดหลักของคุณเพื่อสร้างส่วนสำคัญให้ครอบคลุมหัวข้อในเชิงลึกได้… ตัวอย่างเช่น การพูดเป็นแนวทางในการสร้างเนื้อหา (การเกริ่นนำในภาพรวม) 

หลังจากนั้นคุณก็จะสามารถสร้างเนื้อหาให้สั้นลงได้ เช่นเป็นแบบ infographic (อินโฟกราฟิก) หลังจากนั้นก็จะสามารถนำไปโพสต์ใน บล็อก เทมเพลต ที่สามารถช่วยให้ผู้ชมหรือผู้อ่านของคุณนั้นเจาะลึกในหัวข้อ และกำหนดเป้าหมายคำหลักหางยาวได้ครับ

หากสับสนหรือคิดอะไรไม่ออก (ความคิดตัน) ให้คุณมองหาแรงบันดาลใจจากหนังสือที่คุณอ่าน ศึกษาในส่วนต่างๆ ที่สำคัญ และเว็บไซต์ของคู่แข่ง หรือค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องใน SERP ครับ 

และถ้าหากทำงานเป็นทีมก็ควรที่จะระดมความคิดมาแบ่งปันกัน เพื่อวิเคราะห์หาประเด็นนำมาสรุปเป็นคอนเทนต์ และจะกลายเป็นคอนเทนต์ที่สมบูรณ์แบบ และทีมงานมีคุณภาพในที่สุด

3. การเขียนเบื้องต้น

เขียนออกมาจากความรู้สึกที่ผ่อนคลายใส่อารมณ์นิดหน่อยไม่มากจนเกินไป ไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมาใส่ในงานมากจนเกินไป ให้ใช้ถ้อยคำที่ไพเราะ หรืออารมณ์ขัน จูงใจ และเป็นแรงบันดาลใจ

ใช้ชื่อเรื่อง คำอธิบาย Meta และทีเซอร์อื่นๆ เพื่อให้พวกเขาเห็นและอ่านเนื้อหาของคุณ มีประโยชน์อย่างไรทำไมถึงต้องอ่าน 

สร้างสรรค์สิ่งที่ไม่เหมือนใคร อย่าพึ่งนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วออกไป ใส่สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์หรืออ้างอิงงานวิจัยใหม่เพื่อเน้นประเด็นที่สำคัญของคุณ

ให้ยึดมั่นในแนวคิดเดียว ใช้เนื้อหาของคุณเพื่อส่งเสริมฯ และสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านหรือผู้ชม ทำให้กระชับและชัดเจน ทำให้เขามีส่วนร่วมและได้รับคุณค่าจากเนื้อหา ไม่ต้องเปรียบเทียบรายละเอียดที่ไม่สำคัญให้รู้สึกสับสนจนเกินไป

ที่สำคัญอย่าลืมพัฒนาปรับปรุงต่อยอดคอนเทนต์คุณให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้คุณรู้ทิศทางและพัฒนาคอนเทนต์ได้ตรงตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

5. วางแผนในการปล่อยคอนเทนต์

ให้จัดตารางเนื้อหาคอนเทนต์ที่เราจะปล่อย ซึ่งเขียนไว้ว่าในแต่ละในเดือนเราจะพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง แล้วทำการศึกษาแต่ละคอนเทนต์ไว้ ซึ่งจะทำให้คุณนั้นไม่ตัน มีคอนเทนต์ให้ทำอยู่เรื่อยๆ และคอนเทนต์ที่ออกมานั้นก็มีคุณภาพด้วย 

ซึ่งจะลดความสับสน การจัดระเบียบขั้นตอน ความยุ่งยากและมึนงง เพราะคุณมีการจัดระบบและศึกษามาก่อนแล้ว

6. โปรโมทเนื้อหา

เมื่อคุณสามารถสร้างเนื้อหาดังกล่าวได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการโปรโมตเนื้อหาคอนเทนต์ของคุณ ซึ่งคุณสามารถทำผ่านสื่อต่างๆ ได้เช่น Facebook อีเมล โฆษณา และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ

ดังนั้นการโปรโมตเนื้อหาของคุณให้นึกถึงช่องทางที่มีผู้ชมอยู่อย่างชุกชุม หรือมีกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามเนื้อหาของเราอยู่มากที่สุด เช่น Facebook, Instagram, และ YouTube ไม่สำคัญว่ากลุ่มเป้าหมายจะอยู่ช่องทางใดสิ่งสำคัญคือเนื้อหาของคุณต้องเข้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด

ถ้าเป็นไปได้ให้ร่วมมือกับ influencers หรือแบรนด์อื่นๆ จะช่วยให้คุณโปรโมตเนื้อหาและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

นี่เป็นแค่เพียงวิธีคิดสร้างคอนเทนต์เบื้องต้น ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ ซึ่งการสร้างคอนเทนต์ยังมีเทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ที่เจาะลึกและครอบคลุมมากกว่านี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ควรทำให้ถูกต้องด้วยนะครับ และขอให้สนุกกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างคอนเทนต์ดีๆ ที่มีประโยชน์ เพื่อมานำเสนอให้ผู้คนในสังคมได้เสพกันเยอะๆ นะครับ

ท้ายที่สุดนี้ : สำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ ควรที่จะศึกษาสิ่งต่างๆ รอบข้างให้มากๆ เช่น

  1. เทรนด์ / แนวโน้ม
  2. อ่านหนังสือเพื่อเปิดมุมมองให้ความรู้ให้ตัวเอง
  3. หัดสังเกต ใช้ความคิดสร้างสรรค์
  4. ฝึกคิดบวก และหัดสร้างไอเดีย
  5. อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง
  6. จิตวิทยาคือสิ่งสำคัญเช่นกัน











 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : blog.hubspot.com / chessstudio.co.th / Poom Ldb

 

บทความ

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

WordPress ต้องใช้ Web Hosting เพราะ Web Hosting เป็นที่ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ รวมถึงทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

Dwell Time เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้และคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ การเพิ่ม Dwell Time จึงเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง SEO และผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ในการปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยการปรับแต่งทั้งด้านในและด้านนอกของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate) ใน SEO เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ... อ่านเพิ่มเติม

Impressions คืออะไร

Impressions คืออะไร

Impressions คือการวัดการแสดงผลของเนื้อหาหรือโฆษณาบนหน้าจอของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงการเข้าถึงและการมองเห็นแบรนด์หรือเนื้อหาของเราในตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

Page Speed เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้มีความสุขในการใช้งาน ทำให้โอกาสในการทำอันดับในผลการค้นหาดีขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility หรือการเข้าถึง คือการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้โดยผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการเคลื่อนไหว การได้ยิน หรือการมองเห็น ... อ่านเพิ่มเติม

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

การทำ International SEO ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงผู้ใช้จากหลายประเทศและหลายภาษาได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ยกระดับการแสดงผลในผลการ ... อ่านเพิ่มเติม

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google มักจะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ละเมิดกฎและข้อกำหนดของ Google Search หรือ Google Play Store ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม