23 ก.พ. 2561
6368
โอกาสกับกลยุทธ์ธุรกิจ
การกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจนั้นเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจทั้งหลาย และหลายครั้งเราจะพบว่า กลยุทธ์มักจะไม่สัมพันธ์กับโอกาสทางการตลาด โอกาสถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ให้กับธุรกิจ มักมาควบคู่กับอุปสรรคทั้งหลายที่จะให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม
การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดนั้นถือว่าเป็นเรื่องของการวางแผนในอนาคต และไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าอนาคตนั้นจะเป็นไปตามที่คาดการณ์หรือไม่ เพราะอนาคตของโลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนอยู่เสมอ สิ่งที่เราจะต้องเตรียมรับมือไว้ตลอดเวลานั่นคือ การปรับตัว ยืดหยุ่น และคล่องตัว พร้อมกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเช่นเดียวกันเราก็ต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นนั้นได้มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในการนำเสนอสิ่งใหม่ ความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต เหล่านี้จึงได้ส่งผลให้การปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับโอกาสนั้นทำได้ยากขึ้น
นักธุรกิจจึงอาจจำเป็นต้องใช้ปัจจัยตัวที่ 3 เข้ามากู้สถานการณ์ สร้างความเติบโตต่อธุรกิจ นั่นคือ การสร้างสรรค์นวัตกรรมรูปแบบธุรกิจ ที่เรียกกันว่า BMI หรือ Business Model Innovation การคิดค้นเพื่อแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งโอกาสที่เปิดให้และกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าให้สามารถเข้ามาร่วมทางผสมผสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการพัฒนาโมเดลธุรกิจอาจทำได้โดยการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการ หรือให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคเพื่อให้เข้าถึงบริการของเรามากขึ้น นวัตกรรมโมเดลธุรกิจ อาจตอบโจทย์การเพิ่มยอดขายหรือขยายส่วนแบ่งการตลาด โดยการเพิ่มจำนวนลูกค้าในตลาดเดิมที่ทำอยู่ หรือการขยายตลาดออกไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเดิม นอกจากนั้น โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ยังอาจมุ่งเป้าเพื่อเน้นผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การเพิ่มยอดขาย การเพิ่มอัตราส่วนกำไร หรือ การเพิ่มปริมาณการขาย
เนื่องจากโมเดลธุรกิจ มักจะต้องบ่งชี้ไปถึงองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ส่วน ซึ่งได้แก่โมเดลการนำเสนอสิ่งที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ และ โมเดลการสร้างกำไรและผลตอบแทนจากธุรกิจ ดังนั้น ในการกำหนดกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสทางการตลาด อาจต้องคำนึงถึงการปรับปรุงสมรรถภาพภายในเพื่อดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
มีผู้กล่าวว่า เมื่อผู้บริหารเริ่มเห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจที่ทำอยู่ เริ่มมีอาการติดขัดหรือไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ที่คิดไว้ นั่นอาจเป็นอาการที่แสดงว่า กลยุทธ์ และโอกาสที่มีอยู่ อาจจะเดินไปในทิศทางที่ไม่สอดคล้องกัน ผู้บริหารธุรกิจสมัยนี้ จึงควรต้องหันมาสนใจกับการทำนวัตกรรมรูปแบบธุรกิจของตัวเองให้มากขึ้น เพราะนวัตกรรมประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี หรือนวัตกรใดๆ ทั้งสิ้น สามารถทำได้ด้วยประสบการณ์ธุรกิจของผู้บริหารล้วนๆ โดยที่ผู้บริหารจะต้องเปิดใจที่จะให้ความสนใจกับความก้าวหน้าของโลกและทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ที่มา : bangkokbiznews (เรวัต ตันตยานนท์)