05 ม.ค. 2564
3026
ตั้งราคาขายผิด ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน!
"การตั้งราคาสินค้า" คือกระบวนการที่สำคัญกระบวนการหนึ่งเมื่อคุณผลิตสินค้าออกมา เพราะกระบวนการนี้เกี่ยวพันกับรายได้ที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจของเรานั่นเอง ถ้าหากมีการตั้งราคาสินค้าที่ไม่ได้ผ่านการคิดวิเคราะห์มาก่อน แน่นอนว่าในภายหน้าต้องทำให้ธุรกิจของคุณ "ขาดทุน" อย่างแน่นอน อาจจะทำให้คุณขาดทุนไปได้เลย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกๆที่ผู้ประกอบการได้ประสบปัญหากันอย่างมากมาย
"การตั้งราคาสินค้า" เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าของเราตัดสินใจที่จะซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าของเรา หากเราสามารถตั้งราคาได้ถูกต้องและเหมาะสมตามที่สินค้าหรือการบริการของเราตอบสนองต่อลูกค้าได้ ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะเพิ่มยอดขายให้เราได้เช่นกัน
ต้องมองถึงอะไรบ้างกับการ "ตั้งราคาสินค้า"
1. ต้นทุน
ต้นทุนสินค้ามีหลายต้นทุนด้วยกัน เช่น วัตถุดิบสินค้า, การก่อสร้าง, การโฆษณา เป็นต้น โดยที่คุณต้องนำต้นทุนทั้งหมดมาวิเคราะห์ในการตั้งราคาสินค้าอย่างแน่นอน
2.ตัวแทนจำหน่าย
หากคุณมีตัวแทน แน่นอนว่ากำไรของคุณจะไม่เท่ากัน จะแตกต่างกันตามระดับตัวแทนต่างๆ เช่น รายใหญ่, รายย่อย, ราคาปลีก, ราคาส่ง เป็นต้น
3.ตั้งราคาลงท้ายเลข 9
ตามหลักจิตวิทยาแล้วคนเรามักจะมองตัวเลขด้านหน้าเป็นส่วนใหญ่ในการประเมินราคาของสินค้าหรือการบริการ ซึ่งหมายความว่าหากเราตั้งราคาให้เป็นเลข 9 ต่อท้ายจะทำให้เขารู็สึกว่าสินค้าชิ้นนี้มีราคาไม่แพงมาก เช่น เสื้อราคา 199 กับ เสื้อราคา 200 เห็นไหมว่าแค่มองก็ทำให้เรารู้สึกได้แล้วว่าหากเราซื้อเสื้อในราคา 199 จะให้ความรู้สึกว่าเสื้อตัวนี้ราคาไม่เกิน 200 และทำให้ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายในราคาที่ดูคุ้มค่า
เหมาะสมกับสินค้าประเภทไหน - ส่วนใหญ่แล้วการตั้งราคาแบบนี้จะเหมาะกับสินค้าประเภทที่สามารถต่อรองราคาได้เช่น เสื้อผ้า, กระเป๋า, เคสมือถือ ฯลฯ ที่ไม่ใช่ของแบรนด์แนมหรือเป็นก็ได้ เพราะการต่อรองของลูกค้าจะยังคงอยู่ในความพอใจของเรา ที่ตั้งราคาแบบนี้เพื่อให้ได้กำไรอย่างเหมาะสม พูดง่ายๆ คือลูกค้าจะไม่ต่อรองราคาให้น้อยเกินไปกับกำไรที่เราตั้งเอาไว้
4.แยกค่าขนส่งกับราคาสินค้า
วิธีการนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความนิยมของการขนส่งที่ตอบสนองการซื้อออนไลน์ของผู้บริโภค ซึ่งเราก็จำเป็นจะต้องมีวิธีที่จะรักษาผลประโยชน์ในส่วนนี้ให้ได้มากที่สุด
หลายคนคงคิดว่าการรวมราคาสินค้ากับราคาขนส่งแล้วบอกว่าขนส่งฟรี ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่คุ้มค่าแต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกค้ามักจะมีรูปแบบการเปรียบเทียบราคาสินค้าแบบเดียวกันกับเจ้าอื่นเสมอ ซึ่งประโยชน์จากการแยกราคาสินค้ากับราคาขนส่ง จะทำให้ราคาสินค้าของเรามีความรู้สึกว่าถูกกว่าเจ้าอื่นที่รวมราคาขนส่งไปแล้ว การมองดูครั้งแรกจะทำให้ราคาของเราน่าสนใจมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น มีจะสั่งซื้อเสื้อผ่านเพจของสินค้านั้นๆ ผู้ประกอบการควรระบุราคาเสื้อผ้าที่เราตั้งเอาไว้เช่น เสื้อราคา 170 บาท และใส่ค่าขนส่ง 30 บาท ในขนาดที่เล็กกว่าเพื่อนำสายตาผู้ซื้อไปยังราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นที่นำค่าขนส่งมารวมกันจนดูแพงกว่า เป็นต้น
5.ตั้งราคาสินค้าจากลูกค้า
วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดและตอบโจทย์กับสภาพตลาดปัจจุบันมากที่สุด คือ การตั้งราคาสินค้า โดยอ้างอิงจากความรู้สึกลูกค้าว่า ลูกค้าจะยอมซื้อสินค้าและบริการนี้ของเราที่ราคาเท่าไหร่ แน่นอนว่าอาจจะจับต้องได้ยากกว่าวิธีอื่น แต่ถ้าเราเข้าใจลูกค้าเพียงพอ เช่น ทำการวิจัยตลาด เปรียบเทียบกับค่าเสียโอกาส หรือราคาสินค้าใกล้เคียงต่างๆ เราก็พอจะประมาณราคาที่เหมาะสมขึ้นมาได้
สุดท้ายแล้ววิธีการเหล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการทำให้สินค้าหรือการบริการของผู้ประกอบการดูน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งนอกจากศาสตร์การตั้งราคาแล้วยังคงมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่จะต้องผ่านกระบวนการคิดและออกแบบเพื่อจะมาส่งเสริมการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง