เพราะการทำธุรกิจออนไลน์สามารถทำงานได้จากทุกที่ เป็นการเริ่มต้นธุรกิจด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก จึงกลายเป็นหนึ่งในอาชีพสุดฮิตในยุคนี้ นี่คือคำแนะนำและวิธีเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์แบบมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อแบรนด์ การวางแผนการเงิน ฯลฯ

1. เลือกโครงสร้างธุรกิจ
 เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการในฐานะเจ้าของคนเดียว หรือ LLC หรือรูปแบบบริษัท บุคคลหนึ่งคนหรือการทำรวมกันของสามีภรรยาสามารถดำเนินกิจการในฐานะเจ้าของคนเดียวได้ โครงสร้างธุรกิจประเภทนี้เป็นประเภทที่ง่ายที่สุด ไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสารใดๆ เพื่อการก่อตั้งธุรกิจ แต่ว่าการเป็นเจ้าของเพียงคนเดียวต้องรับผิดชอบหนี้สิ้นไม่จำกัดจำนวน ด้วยเหตุนี้ผู้คนจำนวนมากที่เริ่มต้นทำธุรกิจจึงเลือกที่จะใช้โครงสร้าง LLC หรือตั้งบริษัททั่วไป โดยทั่วไปเจ้าของหน่วยงานธุรกิจประเภทนี้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ของธุรกิจเป็นการส่วนตัว

2.ลงทะเบียนจองชื่อบริษัท
ไม่ว่าจะจัดตั้งบริษัทแบบไหนหรือที่ไหน เป็นร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ ควรยื่นเอกสารเพื่อลงทะเบียนสำหรับการจองชื่อบริษัทด้วย สำหรับธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ควรยื่นเอกสารการจัดตั้งในเขตที่อาศัยอยู่นั่นเอง

3.ตั้งชื่อแบรนด์
การตั้งชื่อแบรนด์ไม่ซ้ำกับคนอื่นและเพิ่มความแตกต่างให้กับแบรนด์จนกลายเป็นหนึ่งในจุดขาย
-ช่วยเรื่องการตลาดสำหรับธุรกิจ
-ลดความเสี่ยงเรื่องชื่อแบรนด์จะคล้ายกัน ไม่โดนกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ
-เพิ่มโอกาสจะได้ชื่อโดเมนที่ตรงกับชื่อแบรนด์
เมื่อมีชื่อในใจแล้ว ลองเสิร์ชดูใน Google ว่ามีชื่อแบรนด์ที่คล้ายกันอยู่หรือไม่ นอกจากเรื่องชื่อแล้วควรดูพวกโลโก้ด้วย ศึกษาให้ดี ใช้เวลากับตรงนี้ให้เยอะๆ จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดกับธุรกิจได้ 

4.จดชื่อโดเมน
ทันทีที่ตัดสินใจเลือกชื่อโดเมนสำหรับธุรกิจได้แล้ว ควรตรวจสอบว่าชื่อนั้นๆ ได้ฟรีตามเว็บไซต์ ในปัจจุบันมีบริษัทหลายแห่งบริการการจดทะเบียนโดเมนเนมเพียงแค่ตั้งค่าบัญชี ระบุชื่อที่ต้องการ และจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี

5.ชำระค่าธรรมเนียมจากการจดทะเบียนบริษัท
 หลังจากที่ยื่นเอกสารการจัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตามที่บริษัทจดทะเบียนระบุไว้ เมื่อจดทะเบียนและได้หนังสือรับรองแล้ว บริษัทหรือ LLC ที่ได้จดทะเบียนถือว่าได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะได้รับใบรับรองเพื่อยืนยันว่าองค์กรธุรกิจใหม่นี้มีอยู่จริง

6.วางแผนด้านการเงิน
จะต้องเปิดบัญชีธนาคารของธุรกิจเมื่อเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์และหากกำลังจะทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์บัญชีกลางหรือบริการชำระเงินออนไลน์อื่นๆ ควรมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่ดีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลทางการเงิน เช่นการมีระบบบัญชีที่ถูกต้อง มีระเบียบในการจัดเก็บเอกสารข้อมูลต่างๆ จะช่วยให้เราไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องภาษีและการตรวจสอบย้อนหลัง ป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตได้ 

7. ทำความเข้าใจภาษีการขายออนไลน์
หลายคนมักลืมหรือไม่รู้ว่าการขายของออนไลน์ก็ต้องเสียภาษีด้วย หากตั้งใจที่จะขายสินค้าผ่านออนไลน์แล้วจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษีทั้ง 2 แบบให้ดีๆ ก่อน นั้นก็คือภาษีเงินได้กับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่มีอาชีพไหนหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีได้

 

 

 

ที่มา : smethailandclub