10 มี.ค. 2566

740

10 ตัวชี้วัดในการคำนวณความสำเร็จของ E-commerce by seo-winner.com

10 ตัวชี้วัดในการคำนวณความสำเร็จของ E-commerce

สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดนั้นมีความสำคัญ แต่ E-commerce (อีคอมเมิร์ซ) นั้นล้ำหน้าไปหนึ่งก้าว เนื่องจากเป้าหมายหลักคือการขาย และถ้าไม่มียอดขายธุรกิจของเราก็ไม่สามารถที่จะไปต่อได้

และด้วยเหตุผลนี้จึงมักเกิดข้อสงสัยขึ้นว่า... เราจะรู้ได้อย่างไรว่า E-commerce ของเราทำงานได้ตามที่ควรจะเป็น ดังนั้นเราไปดู10 ตัวชี้วัดในการคำนวณความสำเร็จของ E-commerce กันเลยยยย

แล้ว E-commerce คืออะไร? : สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

1. มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า : นี่เป็นอีกหนึ่ง metricsที่เราควรคำนึงถึง ซึ่งเราสามารถคำนวณได้ว่าการโต้ตอบ การซื้อและพฤติกรรมของผู้ใช้เป็นอย่างไร ตลอดการดำเนินการเกี่ยวกับ e-commerce ของเรา

ดังนั้นด้วยวิธีนี้ เราสามารถจัดประเภทผู้ใช้ที่มีมูลค่าตลอดอายุการใช้งานสูง และสร้างความคล้ายคลึงกับกลยุทธ์การทำงานและเข้าถึงผู้ใช้ที่คล้ายกัน 

2. อัตราผลตอบแทนและการคืนเงิน : สำหรับข้อมูลนี้ไม่เพียงแต่บอกเราเกี่ยวกับการดำเนินการของ E-commerce ของเราเท่านั้น! แต่ยังบ่งบอกถึงคุณภาพ และความนิยมในหมู่ผู้ใช้ของเราด้วย

ดังนั้นยิ่งอัตราการคืนสินค้าหรือเงินคืนต่ำ นั้นหมายความว่ามีความพึงพอใจมากขึ้นกับสิ่งที่พวกเขาซื้อ และพบใน E-commerce ของเรา ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตทางออนไลน์

3. อัตราการละทิ้ง : เราไม่ควรสับสน Metrics นี้กับอัตราการตีกลับ เนื่องจากในกรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ใช้ที่มีความสนใจใน E-commerce ของเรา นั่นคือโต้ตอบและเข้าชมหน้าเว็บ แต่ไม่ลงเอยด้วยการซื้อ

โดยการทราบข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเห็นจำนวนผู้ใช้ของคุณที่กลายเป็นลูกค้า และดูช่องทางการขายเพื่อหาสาเหตุ ดังนั้นคุณสามารถลดอัตราการละทิ้ง และเพิ่มอัตราการแปลงได้

4. การละทิ้งรถเข็น (หมายถึงไอคอนใส่สินค้าเวลากดเลือกสินค้า) : ตัวอย่างเช่นในสเปนที่กลายเป็นเรื่องปกติที่ E-commerce จะมีการละทิ้งรถเข็นมากถึง 70% เลยทีเดียว (กดเลือกไว้แต่ไม่ซื้อ) แน่นอนว่าดูเป็นอัตราที่สูง แต่…ยังมีวิธีเป็นพันวิธีที่จะลดเปอร์เซ็นต์ตรงนี้ลง หรือแม้แต่ใช้ remarketing ที่ดีเพื่อจับการซื้อที่ยังไม่ได้ซื้อเหล่านั้น

5. ผลตอบแทนจากค่าโฆษณาหรือ ROAS : ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นกุญแจสำคัญใน E-commerce โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรากำลังลงทุนในการโฆษณาเพื่อโปรโมทเว็บไซต์ของเรา

Metrics นี้ช่วยให้เราทราบว่าเรามีรายได้เท่าใดสำหรับการลงทุนในแต่ละบาทละสตางค์ และยังทำให้ทราบว่าการโฆษณาใช้ได้ผลหรือไม่ และเปรียบเทียบกับแหล่งขายอื่นๆ ด้วยนะ

ตัวอย่างสูตร : ROAS = รายได้จากการขาย / การลงทุน x 100

6. ผลิตภัณฑ์ที่มีผลลัพธ์ที่ดีกว่า : ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการรู้ว่าผลิตภัณฑ์ใดมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยอดขายหรือปริมาณการใช้ข้อมูล

ดังนั้นด้วยวิธีนี้ หากเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของ E-commerce หรือทำการแปลงเพื่อการใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้น เราจะรู้แล้วว่า URL ใดที่จะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

7. การแปลงหรือการขาย : การแปลงและการขายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญในเป้าหมายการเติบโตของ E-commerce เช่น ยิ่งมียอดขายมากเท่าไหร่ มูลค่าการซื้อขายและการเติบโตของ E-commerce ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ถึงแม้ว่าจะได้กับ Conversion ที่เติบโตและมูลค่าเฉลี่ยของคำสั่งซื้อเป็นเป้าหมายหลักในการวัดความสำเร็จของ E-commerce 

แต่หากพบว่าน่าสนใจ อย่าพลาดบล็อกเกี่ยวกับวิธีดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่ E-commerce ของเรามากขึ้นน๊าาา

8. มูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ย : มูลค่าเฉลี่ยของคำสั่งซื้อมีค่าเท่ากับหรือสำคัญกว่ายอดขายด้วยซ้ำ และยังเป็นจำนวนเงินที่ลูกค้าแต่ละรายทิ้งไว้ใน E-commerce เมื่อซื้อสินค้าของเรา

ดังนั้นหากมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยของ E-commerce เพิ่มขึ้น แสดงว่ามาถูกทางแล้ว 

9. รายได้ตามแหล่งที่มาของการเข้าชม : หลังจากดูการเข้าชมแล้ว ให้ดูที่รายได้สำหรับแหล่งที่มาของการเข้าชมแต่ละแห่งว่าพวกเขาซื้อมากขึ้นจากอะไร เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ซื้อของจากเราได้ง่ายขึ้น

10. การรับส่งข้อมูล และการรับส่งข้อมูลตามอุปกรณ์ : ก่อนที่เราจะมุ่งเน้นไปที่การขายหรือ Conversion ซึ่งสิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้คือ ต้องรู้ว่ามีผู้ใช้กี่คนที่เข้าใช้เว็บไซต์ของเรา ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน และถ้ายิ่งอยู่กับ E-commerce มานานพอ ก็ควรจะมีแบบรายปีด้วย!

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ ต้องดูว่าผู้ใช้ของเราเข้าถึงจากที่ใด ซึ่งสิ่งนี้ช่วยปรับปรุงความสามารถในการใช้งานและการออกแบบ E-commerce โดยมุ่งเน้นไปที่ประเภทอุปกรณ์ที่ลูกค้าของเราเข้าถึงได้มากที่สุด 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ




 

 

 

 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : kiwop.com

 

บทความ

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

WordPress ต้องใช้ Web Hosting เพราะ Web Hosting เป็นที่ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ รวมถึงทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

Dwell Time เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้และคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ การเพิ่ม Dwell Time จึงเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง SEO และผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ในการปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยการปรับแต่งทั้งด้านในและด้านนอกของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate) ใน SEO เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ... อ่านเพิ่มเติม

Impressions คืออะไร

Impressions คืออะไร

Impressions คือการวัดการแสดงผลของเนื้อหาหรือโฆษณาบนหน้าจอของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงการเข้าถึงและการมองเห็นแบรนด์หรือเนื้อหาของเราในตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

Page Speed เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้มีความสุขในการใช้งาน ทำให้โอกาสในการทำอันดับในผลการค้นหาดีขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility หรือการเข้าถึง คือการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้โดยผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการเคลื่อนไหว การได้ยิน หรือการมองเห็น ... อ่านเพิ่มเติม

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

การทำ International SEO ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงผู้ใช้จากหลายประเทศและหลายภาษาได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ยกระดับการแสดงผลในผลการ ... อ่านเพิ่มเติม

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google มักจะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ละเมิดกฎและข้อกำหนดของ Google Search หรือ Google Play Store ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม