04 ก.ค. 2565

1935

E-Commerce คืออะไร by seo-winner.com

E-Commerce คืออะไร

เราไม่อาจที่จะปฏิเสธไปได้เลยว่าในปัจจุบันผู้คนต่างติดต่อสื่อสารกันผ่านเครือข่ายและแพลตฟอร์มต่างๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีความสะดวกสบายรวดเร็ว เช่นเดียวกับบทความนี้ที่เราจะพาท่านมารู้จักกับ E-Commerce ว่าเป็นอย่างไรเพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ และเป็นการเรียนรู้ไว้ติดตัวหากท่านได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจ หรือผู้ที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจนั่นเองครับ

1. E-Commerce คืออะไร

E-Commerce หรือ Electronic Commerce (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) คือ การซื้อขายและบริการต่างๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น

ในปัจจุบัน E-Commerce ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนเข้าถึงมากที่สุด โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตซึ่งมีความสามารถที่หลากหลาย เช่น

  1. การส่งข้อความ และการสื่อสารที่รวดเร็ว
  2. เสียง ภาพ และวิดีโอ
  3. การบริการอื่นๆ ทางออนไลน์

ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่ครอบคลุมและเหมาะกับการทำธุรกิจในปัจจุบันมากๆ เพราะเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นบางอย่างออก ดังนั้นการศึกษากลยุทธ์ด้านการตลาด E-Commerce ในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจใหม่ๆ หรือธุรกิจดั้งเดิมที่ต้องปรับตัวด้วยเช่นกันครับ

2. E-Commerce มีประโยชน์อย่างไร

แน่นอนขึ้นชื่อว่า E-Commerce (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) แล้วก็ต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอนในปัจจุบันนี้ เพราะกลุ่มเป้าหมาย (ลูกค้า) มีการพกพาเครื่องมือสื่อสารติดตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อต้องการหาสินค้ากลุ่มเป้าหมายจะมีการเสิร์ชข้อมูลเพื่อดูสินค้าก่อนเป็นอันดับแรก

ซึ่งมีสถิติออกมาแล้วว่าคนในไทยใช้อินเทอร์เน็ตกันมากกว่าวันละ 8 ชั่วโมง ที่สำคัญสถิติการซื้อขายผ่านออนไลน์นั้นสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลกเลยทีเดียว

ดังนั้นจึงทำให้ธุรกิจใหม่ๆ เริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจ E-Commerce และธุรกิจต่างๆ ก็มีการปรับตัวมาทำธุรกิจแบบ E-Commerce มากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การลดต้นทุน ซึ่ง E-Commerce ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างดีเลยล่ะ 

แต่ถึงกระนั้นก็ต้องมีการแข่งขันกันทางด้านการตลาดด้วย เทคนิค SEO การโปรโมท และกลยุทธ์ต่างๆ จึงจะสามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอยู่อย่างมากมายในตลาดได้ (ดังนั้นอย่าลืมศึกษาก่อนเริ่มต้นด้วยนะครับ)

3. เว็บไซต์ E-Commerce 

เว็บไซต์ E-Commerce เป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างลูกค้ากับร้านค้าเข้าหากัน ซึ่งเว็บไซต์เปรียบเสมือนร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงบนโลกออนไลน์ที่ลูกค้าหรือผู้ชมสามารถเข้ามาดูสินค้าหรือข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลกที่มีอินเทอร์เน็ต

ในปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจต่างก็มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ต้องสร้างกลยุทธ์ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณด้วย เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่ในตลาดนั่นเองครับ

4. ข้อดีของเว็บไซต์ E-Commerce เช่น

  1. มีตัวตน สร้างความน่าเชื่อถือ
  2. สามารถออกแบบได้ตามที่ต้องการ (ในการแข่งขัน)
  3. สามารถจัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้ด้วยตัวเอง และสามารถต่อยอดธุรกิจอื่นๆ ได้
  4. อัปเดตข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้ตลอดเวลา
  5. และอื่นๆ อีกมากมายขึ้นอยู่กับไอเดียและกลยุทธ์ของคุณด้วย

ทั้งนี้ยังมี Marketplace ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนตลาดกลางจากร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ ที่สามารถเข้ามาซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ 

และ Social Commerce ซึ่งเป็นการซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Faceboo,k Google, Line, Instagram และ Twitter เป็นต้น

5. การโปรโมทธุรกิจ E-Commerce มีอะไรบ้าง

หากคุณเริ่มต้นทำธุรกิจ E-Commerce สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปในทิศทางที่ดีได้นั่นก็คือการใส่ “กลยุทธ์” ให้กับเครื่องมือ E-Commerce ของคุณ

กลยุทธ์เหล่านี้จะทำให้ผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณได้เห็นสินค้าของคุณ และเห็นสิ่งที่คุณนั้นกำลังสื่อสารออกไปเพื่อให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย  ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษาด้วยตนเองครับ

โดยกลยุทธ์การตลาด E-Commerce เบื้องต้นที่เราได้นำมาฝากกันมีดังนี้

1. SEO (Search Engine Optimization)

SEO คือ การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการค้นหา แน่นอนการตลาดบนโลกออนไลน์ ผู้คนมักจะค้นหาสินค้าผ่าน Google และแพลตฟอร์มอื่นๆ จากสถิติผู้คนนั้นค้นหาผ่าน Search Engine เป็นอันดับต้นๆ 

ดังนั้น การทำ SEO ก็เพื่อหวังให้เว็บไซต์หรือเว็บเพจของเราขึ้นมาติดอันดับการค้นหาของ Google ซึ่งหากเว็บไซต์ของเรานั้นติดอันดับการค้นหา โอกาสผู้คนที่จะคลิกเข้ามาดูเนื้อหาของเรานั้นก็มีสูงตามไปด้วย และโอกาสในการปิดการขายก็มากขึ้นไปด้วยนั่นเองครับ

อย่างไรก็ตามการทำ SEO นั้นมีกลยุทธ์ที่หลากหลายวิธีมากๆ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจของคุณ ดังนั้นคุณสามารถนำเครื่องมือต่างๆ ของ SEO มาปรับใช้ได้เลย 

ตัวอย่างเช่น การสร้างเนื้อหา keyword คุณสามารถกำหนดหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือแบรนด์สินค้าของคุณ แล้วทำการสร้างเนื้อหาบทความที่คาดว่าผู้คนจะค้นหาเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ ลงบน Google 

หากมีผู้คนมาค้นหาเจอก็จะเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ Google และผู้อ่านอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเขียนเพื่อแข่งขันกับเจ้าอื่นๆ อีกด้วย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ seo-winner.com

2.  Google Ads (Google AdWords)

Google Ads เป็นการโฆษณาออนไลน์บน Google ซึ่งการโฆษณานี้จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายตามจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฏ และจำนวนครั้งของผู้ที่คลิกเข้ามาดู ทำให้มีผู้เข้าชมเร็วขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยจะมีช่องทางการโฆษณาหลักๆ เช่น

  1. Display Network ซึ่งจะแสดงบนเว็บไซต์อื่นๆ
  2. Search Network จะแสดงโฆษณาแบบข้อความบนหน้าการค้นหาของ Google

3. SMM (Social Media Marketing)

เป็นการโปรโมทผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ได้รับความนิยม และเป็นแพลตฟอร์มที่มีการติดต่อสื่อสารการอยู่ตลอดเวลา เช่น Facebook, Instagram, Twitter, LINE เป็นต้น โดยคุณสามารถสร้างกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อทำการโฆษณาบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ครับ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องของอันดับ SEO ด้วย

4. Content Marketing

เป็นการสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ และตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น รูปแบบบทความ วิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือรายการเนื้อหาต่างๆ ที่สามารถสร้างเป็นเนื้อหาคอนเทนต์ขึ้นมาได้ เพื่อที่จะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรู้ในเรื่องของสิ่งนั้นๆ 

ตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับเว็บไซต์ คุณก็สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้เรื่องของเว็บไซต์ตามตัวข้อต่างๆ เพื่อให้คนที่สนใจทำเว็บไซต์ได้เข้ามาอ่าน โดยที่คุณนั้นแฝงโฆษณาเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์อยู่ด้วย เมื่อผู้อ่านเกิดความน่าเชื่อถือ คุณก็จะมีโอกาสปิดการขายได้นั่นเอง

ฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับไอเดียของคุณแล้วล่ะว่าจะทำอย่างไรที่จะให้เนื้อหาของคุณได้รับความนิยมมากที่สุดครับ

5. Influencer Marketing

การตลาดแบบ Influencer คือการให้ผู้มีอิทธิพลหรือคนดังบนโลกอินเทอร์เน็ตช่วยโปรโมทนั่นเอง อันดับแรกต้องดูในเรื่องของความน่าเชื่อถือ และดูที่สินค้าของคุณ เช่น ดูว่าผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นเขาได้รับความน่าสนใจในเรื่องอะไรมีผู้ติดเพราะเรื่องอะไร 

ซึ่งถ้าหากกลุ่มเป้าหมายติดตามในเรื่องที่ตรงกับสินค้าของเรา ที่เรานั้นต้องการที่จะโปรโมทก็สามารถจากจ้าง Influencer เหล่านั้นมาโปรโมทสินค้าเราได้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น และยอดขายที่มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ทั้งนี้ การโปรโมทสินค้าแบบ E-Commerce ยังมีอีกหลายช่องทางและหลายกลยุทธ์ที่เรานั้นสามารถนำมาปรับใช้ได้ เช่น Affiliate Marketing การตลาดแบบพันธมิตร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากท่านใดที่กำลังจะเริ่มต้นทำการตลาดแบบ E-Commerce ก็อย่าลืมศึกษาการตลาดก่อนลงทุน และศึกษากลยุทธ์เพื่อแข่งขันกันในตลาดด้วยนะครับ เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณไปรอด และเติบโตในตลาด E-Commerce ได้อย่างงดงาม

หวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยในการนำไปปรับใช้ก่อนเริ่มต้นธุรกิจ E-Commerce ผู้อ่านสามารถศึกษากลยุทธ์ต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์เพิ่มเติมได้ที่ seo-winner.com ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ












 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : heroleads.asia / seo-web.aun-thai.co.th / Poom Ldb

 

บทความ

ข้อดีของ Google AdWords

ข้อดีของ Google AdWords

Google Ads หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ Google AdWords เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์ที่ทรงพลัง ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ... อ่านเพิ่มเติม

5 ปลั๊กอิน Wordpress ที่จำเป็นต้องติดตั้ง

5 ปลั๊กอิน Wordpress ที่จำเป็นต้องติดตั้ง

5 ปลั๊กอิน WordPress ที่จำเป็นต้องติดตั้ง เพื่อเว็บไซต์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์ได้อย่างมากมาย ... อ่านเพิ่มเติม

ACE Indicator System เชื่อมโยงการตลาดกับ SEO

ACE Indicator System เชื่อมโยงการตลาดกับ SEO

ACE Indicator System และการใช้ SEO เข้าใจความเชื่อมโยงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น การนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันจะช่วยให้สามารถปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

PageSpeed Insights กับ GTmetrix

PageSpeed Insights กับ GTmetrix

PageSpeed Insights กับ GTmetrix เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการวัดประสิทธิภาพและความเร็วของเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์สามารถระบุปัญหาที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ... อ่านเพิ่มเติม

Total Blocking Time คืออะไร

Total Blocking Time คืออะไร

Total Blocking Time (TBT) เป็นหนึ่งในเมตริกที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยวัดระยะเวลาที่เว็บไซต์ถูกบล็อกจากการตอบสนองต่อผู้ใช้ เนื่องจาก JavaScript ที่ใช้เวลานานในการทำงาน ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมการทำเว็บไซต์ต้องรู้จัก Core Web Vitals

ทำไมการทำเว็บไซต์ต้องรู้จัก Core Web Vitals

ทำไมการทำเว็บไซต์ต้องรู้จัก Core Web Vitals ชุดของเมตริกที่ Google ใช้ในการวัดประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience UX) บนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นปัจจัยการจัดอันดับของ Google ... อ่านเพิ่มเติม

Topical Authority  กับการจัดอันดับเว็บไซต์

Topical Authority กับการจัดอันดับเว็บไซต์

Topical Authority กับการจัดอันดับเว็บไซต์ เมื่อ Google มองว่าเว็บไซต์มีความรู้และความเชี่ยวชาญในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเป็นพิเศษ เว็บไซต์นั้นก็จะได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

ปลั๊กอิน Elementor สำหรับคนทำ Wordpress

ปลั๊กอิน Elementor สำหรับคนทำ Wordpress

ปลั๊กอิน Elementor สำหรับคนทำ Wordpress ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ใช้งานง่ายและฟีเจอร์ที่หลากหลาย ทำให้สามารถสร้างหน้าเว็บไซต์ที่สวยงามและเป็นมืออาชีพได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย ... อ่านเพิ่มเติม

Content Uniqueness คอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Content Uniqueness คอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Content Uniqueness ความเป็นเอกลักษณ์ของคอนเทนต์ ความโดดเด่นและแตกต่างของเนื้อหาที่สามารถสร้างความสนใจและดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี ... อ่านเพิ่มเติม