แน่นอนว่าการปรับเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ซึ่งประสบการณ์ออนไลน์ประมาณ 86% เริ่มต้นด้วยการค้นหาในเครื่องมือการค้นหา เช่น Google

ด้วยเหตุนี้ การที่หน้าเว็บของเราปรากฏในผลการค้นหาอันดับต้นๆ จะให้ประโยชน์มากมายตั้งแต่การเพิ่มการเข้าชมแบบธรรมชาติไปจนถึงการเพิ่มความน่าเชื่อถือของไซต์ และปิดท้ายด้วยผลลัพธ์ที่ต้องการนั่นเอง 

1. Update Your Content Regularly (อัปเดตเนื้อหาของเราเป็นประจำ) : การสร้างเนื้อหาใหม่เป็นประจำเป็นกลยุทธ์ SEO ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจเป็นเรื่องยากที่จะคิดไอเดียเกี่ยวกับเนื้อหาใหม่ๆ ในกรณีเหล่านี้ เราสามารถอัปเดตเนื้อหาเก่าเพื่อปรับปรุง SEO เว็บไซต์ของเรา แน่นอนว่าการอัปเดตเนื้อหาอยู่เป็นประจำนั้นนอกจากจะส่งผลดีต่อ SEO แล้ว ยังสร้างความน่าเชื่อถือ, ความเป็นมืออาชีพ, การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และโอกาสในการขายอีกด้วย

2. Use Images and Videos to Enhance the Content (ใช้รูปภาพและวิดีโอเพื่อปรับปรุงเนื้อหา) : องค์ประกอบภาพเช่น รูปภาพและวิดีโอสามารถเพิ่มเนื้อหาของเรา และทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ภาพบางอย่างเช่น กราฟและแผนภูมิยังช่วยให้เรานำเสนอข้อมูลและสื่อสารข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น!

3. Optimize the Title Tags and Meta Descriptions (เพิ่มประสิทธิภาพแท็กชื่อเรื่องและคำอธิบายเมตา) : แท็กชื่อเรื่องและคำอธิบายเมตาเป็นองค์ประกอบ HTML ที่ให้บริบทแก่เนื้อหาของหน้า แท็กชื่อปรากฏบนผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาเป็นบรรทัดแรกที่สามารถคลิกได้ ในขณะที่คำอธิบายเมตานำเสนอตัวอย่างสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้อ่านสามารถคาดหวังว่าจะได้พบในหน้านั้น

4. Add Internal Links (เพิ่มลิงก์ภายใน) : การเชื่อมโยงภายในเป็นกระบวนการเพิ่ม hyperlinks ภายในเนื้อหาของเราไปยังหน้าอื่นหรือโพสต์บนเว็บไซต์ของเรา ซึ่งสิ่งนี้สร้างเว็บที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกันและช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้จักโครงสร้าง และความเกี่ยวข้องของแต่ละหน้า 

5. Clean Up and Organize the Site Code (ทำความสะอาดและจัดระเบียบรหัสไซต์) : เว็บไซต์ของเราประกอบด้วยโค้ดหลายบรรทัดที่เรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆ ซึ่งบรรทัดโค้ดเหล่านี้อาจไม่เป็นระเบียบและเป็นอุปสรรคต่อกันและกันเมื่อเราทำให้เว็บไซต์เติบโต ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหานี้ เราขอแนะนำให้ทำความสะอาดเมื่อจำเป็น

6. Use Google Tools (ใช้เครื่องมือของกูเกิล) : สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO คือการวิเคราะห์เมตริกหลักของเว็บไซต์ เจ้าของเว็บไซต์สามารถรับข้อมูลนี้ผ่านเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ รวมถึง Google Search Console และ Google Analytics นั่นเอง 

7. Use Social Media to Promote Your Content (ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตเนื้อหาของเรา) : สำหรับการโปรโมตเนื้อหาของเราบนโซเชียลมีเดียนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO ซึ่งเนื้อหาของเราสามารถเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้นส่งผลให้มีลิงก์ย้อนกลับมากขึ้น โดยเครื่องมือค้นหาจะจัดทำดัชนีและพิจารณาเมื่อจัดอันดับเว็บไซต์ของเรา 

8. Make Sure Your Web Pages Load Fast (ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บของเราโหลดเร็ว) : เครื่องมือค้นหาให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่โหลดเร็วและสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด ซึ่งเว็บไซต์ที่ทำงานช้าจะส่งผลเสียต่อการทำ SEO ของเรา และลดความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูล Content ของเราได้ยากขึ้น 

9. Optimize Images (เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพ) : การปรับรูปภาพให้เหมาะสมสำหรับ SEO เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของเราในเครื่องมือค้นหา เราสามารถดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่ารูปภาพของเราเป็นมิตรกับ SEO และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของเรา

10. Make Sure the Website Is Mobile-Friendly (ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์นั้นเป็นมิตรกับมือถือ) : การสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO เป็นมากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา แต่ยังรวมถึงการสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย ในความเป็นจริงแล้วผู้ใช้มือถือมีส่วนเกือบ 59% ของการเข้าชมเว็บไซต์ทั่วโลกในไตรมาสที่สองของปี 2022 ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ จึงพิจารณาความเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับผลการค้นหา

11. Include Keyword-Rich Anchor Text in Your Links : Anchor Text คือคำที่สามารถคลิกได้ซึ่งนำผู้ใช้ไปยังหน้าอื่นๆ หรือส่วนอื่นของเว็บไซต์เมื่อคลิก โดยการเพิ่ม anchor text ที่เป็นมิตรกับ SEO ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้นและจัดอันดับเนื้อหานั้นสูงขึ้น

12. Have a Clean URL Structure (มีโครงสร้าง URL ที่สะอาด) : โครงสร้าง URL ที่สะอาดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO URL ที่เป็นมิตรกับ SEO ควรอ่านง่าย เข้าใจง่าย และเกี่ยวข้องกับบริบทของเพจ ซึ่งเครื่องมือการค้นหาใช้ URL เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ 

ดังนั้นการมี URL ที่เป็นมิตรกับ SEO จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าเนื้อหาใดในแต่ละหน้า ทำสิ่งนี้โดยรวมคำหลักเป้าหมายใน URL

13. Use Header Tags (ใช้แท็กส่วนหัว) : อีกวิธีหนึ่งในการสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ SEO คือการใช้แท็กส่วนหัวอย่างเหมาะสมเป็นองค์ประกอบ HTML ที่ให้โครงสร้างและความหมายแก่เนื้อหาของหน้าเว็บ ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหา

14. Use Keywords Throughout Your Content (ใช้คำหลักในเนื้อหาของเรา) : การใช้คำหลักที่เป็นมิตรกับ SEO เป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงตำแหน่งเว็บไซต์ของเราในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) เมื่อเขียนเนื้อหา ให้ใส่คำหลักที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร เราสามารถรับได้โดยการทำวิจัยคำหลัก เป็นต้น ดูตัวอย่างเพิ่มเติม……

 

 

 

 

 

 

 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—

ข้อมูลจาก : hostinger.in