13 ธ.ค. 2565

829

เขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google by seo-winner.com

เขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google

มีหลายคนที่มีเว็บไซต์ธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ยังไม่รู้ว่า SEO นั้นคืออะไรเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือช่วยธุรกิจเราอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเมื่อมีเว็บไซต์แล้วก็มีการเขียนบทความลง แต่กลับไม่มีคนเข้ามาชมหรือไม่ติดอันดับการค้นหาบน Google

ฉะนั้นไม่ใช่แค่การเขียนสิ่งที่เราอยากให้รู้ลงไปเพียงอย่างเดียว เราต้องคำนึงถึงหลักการเขียนที่เป็นไปตามกฎของ Google การเขียนให้มีประโยชน์และถูกต้อง รวมไปถึงความสม่ำเสมอของบทความ 

หากเราทำได้และให้ความสำคัญกับการเขียนบทความจะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมากเลยล่ะครับ ดังนั้นเราไปดูการเขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google กันเลยครับ…

เราจำเป็นต้องรู้จัก On page seo กันก่อนครับ : ก่อนที่เรานั้นจะเขียนบทความ SEO เราจำเป็นต้องรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับ On page seo ก่อน ซึ่งจะทำให้คุณนั้นเข้าใจหลักและขั้นตอนการเขียนได้มากยิ่งขึ้น โดย On page seo นั้นเรียกอีกอย่างว่า on-site SEO ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาหน้าเว็บสำหรับเครื่องมือค้นหา Bot ของ Google และผู้ใช้ที่เป็นคนจริงๆ ครับ

อย่างไรก็ตามสำหรับแนวทางการปฏิบัติทั่วไปเกี่ยวกับ On-page SEO เช่น Keyword in Description, Keyword in Title, Keyword in Content, Alt Text in Image, และ LSI in the Page เป็นต้น!!

คุณรู้จักความหมายของ Keyword แล้วหรือยังว่าคืออะไร : Keyword คือ คำค้นหาที่ผู้ใช้นั้นต้องการจะค้นหา เช่น กลุ่มเป้าหมาย (ลูกค้า) มาค้นหาบน Google แล้วพวกเขาต้องการที่จะค้นหา เครื่องออกกำลังกาย ฉะนั้นพวกเขาจะค้นหาคำว่าอะไร? ตัวอย่างเช่น

  1. เครื่องออกกำลังกาย
  2. เครื่องออกกำลังกายราคาถูก
  3. เครื่องออกกำลังกายยอดฮิต 2022
  4. เครื่องออกกำลังกายสำหรับพกพา

ซึ่งข้อความเหล่านี้ คือ Keyword ที่เราจะใช้ในการตั้งชื่อบทความเพื่อให้ตรงกับคำค้นหาของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุดนั่นเองครับ สำหรับผู้อ่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “7 วิธีเลือกคีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับ SEO” เมื่อเข้าใจแล้วเราไปต่อกันเลยครับ

การใส่ Keyword ในหัวข้อเรื่องให้ใช้ Tag H1 เสมอ :

  1. SEO คืออะไร สำคัญอย่างไร ช่วยเพิ่มยอดขายอย่างไรบ้าง
  2. 19 วิธี เขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดหน้าแรกของผลการค้นหาบน Google แบบง่ายๆ 

จากตัวอย่างข้างต้นเราจะเห็นได้ว่า คำหลักจะอยู่ในส่วนของหน้าสุดถ้าเป็นไปได้ ที่สำคัญความยาวของหัวเรื่องไม่ควรสั้นและยาวเกินไป และแต่ละบทความหัวข้อเรื่องควรใช้ Tag H1 และแต่ละหน้าควรมี Tag H1 เพียงตำแหน่งเดียวครับ และถ้าเป็นไปได้ควรระบุ พ.ศ. หรือ ค.ศ. เพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจคลิกเข้าอ่านได้อย่างมาก

การตั้งชื่อ URL ก็สำคัญไม่แพ้กัน : สำหรับมือใหม่ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองที่มีการอัปเดตข่าวสารบทความอยู่เป็นประจำอาจจะมองข้ามเรื่อง URL และอาจจะไม่รู้ว่า URL นั้นคืออะไร ซึ่งสำคัญมากๆ ครับ เพราะส่งผลถึงการค้นหาด้วย ดังนั้นเราควรตั้งชื่อ URL ให้เหมือนกับ TITLE ของเรา เช่น https://seo-winner.com/How-to-hire-a-website-builder-not-to-be-deceived (นี่คือลิงก์ URL) ถ้าอ่านดูจะเห็นว่ามี keyword เป็นคำหลักอยู่ในนั้นคือ How to hire a website builder not to be deceived ซึ่งแปลว่า จ้างทำเว็บไซต์อย่างไรไม่ให้โดนหลอก นั่นเองครับ

การเขียนหัวข้อย่อยโดยใช้ Tag H2 : ทุกๆ ขั้นตอนของการเขียนบทความ SEO นั้นสำคัญอย่างมากตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่องไปจนถึงบทสรุป ดังนั้นการเขียนหัวข้อย่อยก็สำคัญมากๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มคะแนนให้มีโอกาสติดหน้าแรกบน Google ฉะนั้นจะต้องอธิบายหัวเรื่องให้ดี ง่ายต่อการทำความเข้าใจเนื้อหา และที่สำคัญควรใช้ keyword ไว้ที่หัวข้อย่อยด้วยตัวอย่างเช่น 

จ้างทำเว็บไซต์อย่างไรไม่ให้โดนหลอก ----> หัวข้อเรื่องหลัก

  • สิ่งแรกเลยที่เราควรพิจารณาคือ “การประสานงานที่ดี” ----> หัวข้อเรื่องย่อย
  • ให้คำปรึกษาและคำแนะนำได้ดีตลอดการทำงาน ----> หัวข้อเรื่องย่อย

ควรมีคำอธิบายเรื่องเสมอ : ไม่ว่าคุณจะเขียนบทความ SEO หรือบทความลักษณะใดก็ตามควรมีคำอธิบายเรื่องเสมอ ที่เรียกว่าคำอธิบายหัวข้อ หรือเรียกง่ายๆ ว่าส่วนของเนื้อหา

ดังนั้นทุกครั้งที่เขียนให้พยายามใส่ Keyword หลักเข้าไปด้วยให้ได้เยอะๆ และเป็นธรรมชาติที่สุด แต่อย่าใส่เยอะจนอ่านไม่รู้เรื่องล่ะ และอาจจะโดน Google Spam ได้ เพราะ Google จะรู้คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาสื่อถึงอะไร และควรเขียนให้มีประโยชน์ คนอ่านแล้วประทับใจ ไม่ใช่เน้นจะติดแต่อันดับอย่างเดียวล่ะ เดี๋ยวคนไม่กลับมาอ่านอีก

การเลือกใช้รูปภาพสำหรับบทความ SEO : รูปภาพนั้นคือส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะรูปภาพสามารถดึงดูดผู้คนให้คลิกเข้ามาอ่านบทความได้ และเพิ่มความน่าเชื่อถือน่าอ่าน ช่วยสร้างความเข้าใจของเนื้อหาได้อย่างดีเลยล่ะ 

และที่สำคัญยังส่งผลต่อการจัดอันดับด้วย อย่างไรก็ตามเทคนิคการใช้รูปภาพสำหรับ SEO นั้นมีอยู่หลากหลายเทคนิคมากผู้อ่านสามารถไปศึกษาวิธีการเพิ่มเติมได้ แต่เราจะบอกเทคนิคเบื้องต้นไว้คร่าวๆ ดังนี้

  1. ให้ใส่ keyword ใน ATL ทุกรูป
  2. รูปที่ใช้ถ้าเป็นไปได้ให้ถ่ายเอง หรือสร้างกราฟิกด้วยตนเอง ให้สามารถสื่อสารคล้องจองกับเนื้อหาได้จะดีมาก
  3. ต้องตั้งชื่อรูปให้สอดคล้อง ควรมีภาษาอังกฤษอยู่ด้วย และใส่ keyword หลักเข้าไปด้วยนะ

เป็นไปได้ควรมี internal link ด้วย : internal link (ลิงก์ภายใน) คือ การสร้างลิงก์ภายในเนื้อหาของเรา จะเป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องไปอีกหน้า (เพื่อที่จะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคนั้นๆ) แน่นอนจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังเป็นประโยชน์ต่อ SEO ด้วยน๊าา

เป็นไปได้ควรมี external link ด้วย : การเขียนบทความ SEO นั้นควรมี external link ด้วย โดยส่วนใหญ่จะใช้เพื่ออ้างอิงเนื้อหาแหล่งที่มา ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของบทความเราได้ด้วย ซึ่งจะส่งผลดีทั้งเว็บเราและเว็บที่เราอ้างอิงถึงนั่นเอง

ให้ความสำคัญกับ Meta Description ด้วยนะ : Meta Description คือ คำอธิบายบทความของเรา ซึ่งความสำคัญของคำอธิบายเหล่านี้ หากมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้อง Google อาจจะนำคำอธิบายเหล่านี้ของบทความเราไปอยู่ในหน้าเสิร์ชของคำค้นหาได้ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสโดนคลิกเข้ามาอ่านได้มากเลย หากผู้อ่านอยากรู้ว่าทำอย่างไรสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ "วิธีการทำ SEO Snippet"

อย่างไรก็ตามสำหรับ “เขียนบทความ SEO อย่างไรให้ติดอันดับบน Google” นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำ SEO ซึ่งการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนผลการค้นหาของ Google นั้นมีหลากหลายเทคนิคมากๆ เริ่มตั้งแต่การวางโครงสร้างออกแบบเว็บไซต์เลยล่ะ 

และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ หากผู้อ่านสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ wynnsoft-solution


 

 

 

 

 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : backlinko.com / thaibaan

 

บทความ

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

เหตุผลที่ WordPress ต้องใช้ Web Hosting

WordPress ต้องใช้ Web Hosting เพราะ Web Hosting เป็นที่ที่เก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ รวมถึงทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

ทำไม Dwell Time ถึงสำคัญสำหรับ SEO

Dwell Time เป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้และคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ การเพิ่ม Dwell Time จึงเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง SEO และผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO คืออะไร

Traditional SEO เป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคและกลยุทธ์ต่างๆ ในการปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา โดยการปรับแต่งทั้งด้านในและด้านนอกของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับเครื่องมือค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate)

อัตราการแปลง (Conversion Rate) ใน SEO เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ... อ่านเพิ่มเติม

Impressions คืออะไร

Impressions คืออะไร

Impressions คือการวัดการแสดงผลของเนื้อหาหรือโฆษณาบนหน้าจอของผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงการเข้าถึงและการมองเห็นแบรนด์หรือเนื้อหาของเราในตลาด ... อ่านเพิ่มเติม

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Page Speed

Page Speed เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้ใช้มีความสุขในการใช้งาน ทำให้โอกาสในการทำอันดับในผลการค้นหาดีขึ้น ... อ่านเพิ่มเติม

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility สำคัญยังไง

Accessibility หรือการเข้าถึง คือการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้โดยผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความทุพพลภาพทางการเคลื่อนไหว การได้ยิน หรือการมองเห็น ... อ่านเพิ่มเติม

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

กลยุทธ์ SEO ระดับนานาชาติ

การทำ International SEO ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายการเข้าถึงผู้ใช้จากหลายประเทศและหลายภาษาได้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละตลาด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ, ยกระดับการแสดงผลในผลการ ... อ่านเพิ่มเติม

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google

การลงโทษจาก Google มักจะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ละเมิดกฎและข้อกำหนดของ Google Search หรือ Google Play Store ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา ... อ่านเพิ่มเติม