10 พ.ค. 2565
3201
วิธีสังเกตเว็บไซต์ปลอม / หลอกหลวง
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างมากและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเช่นเดียวกับการค้าขาย เนื่องด้วยการติดต่อสื่อสารที่ใช้เวลาไม่กี่ขั้นตอนไม่ต้องเดินทางก็สามารถสั่งสินค้าเหล่านั้นได้โดยการเลือกสินค้าส่งที่อยู่ข้อมูลส่วนตัวและโอนเงินจ่ายเพื่อรอรับสินค้า
แต่หารู้ไม่ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ถูกหลอกลวงโอนจ่ายแล้วไม่ได้สินค้า หรือการถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้เพื่อหลอกลวงในการทำธุรกรรมอื่นๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ซึ่งเราอาจคิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่บางครั้งแค่คลิกที่ปุ่มใดปุ่มหนึ่งก็อาจโดนโจรกรรมข้อมูลได้
บทความนี้เราจึงได้มาบอกวิธีการป้องกันตัวและรู้เท่าทันกลยุทธ์ต่างๆ จากผู้ไม่หวังดีเหล่านี้เพื่อไม่เป็นการเสียทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นเราไปดูกันเลยว่าวิธีการดูว่าเว็บไซต์ปลอมมีลักษณะเป็นอย่างไรดูไว้เพื่อป้องกันตัวมีอะไรบ้างไปดูกันเล๊ยยย…
1. สินค้าราคาถูก (cheap products) แน่นอนครับหากบางเว็บไซต์มีสินค้าราคาที่ถูกเกินไป แต่นำเสนอคุณภาพที่เป็นของแท้ อย่ารีบซื้อให้ตรวจเช็กข้อมูลต่างๆ ให้ดีเสียก่อนและดูความน่าเชื่อถือของร้านด้วยเพราะคุณอาจโดนหลอกลวงได้ เช่น คุณอาจได้ของปลอมหรืออาจไม่ได้ของเลย เสียเงินด้วย มิหนำซ้ำอาจถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิดก็ได้ เพราะฉะนั้นอยากฝากเตือนว่าดูให้ดีก่อนดูหลายๆ ร้าน หรือถ้ามีลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถืออย่ากดเข้าไปเป็นอันขาดครับ
2. ลิงก์ของที่อยู่เว็บไซต์ผิดปกติ (Unusual URL Name) เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาดูหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ก็เลือกดูสินค้าตามใจชอบเมื่อพอใจก็สั่งซื้อเลย แต่หารู้ไหมว่าบางเว็บไซต์นั้นถูกออกแบบมาให้เหมือนเว็บไซต์ร้านค้าจริงอย่างเป็นทางการ มีตัวตนจริง ซึ่งทำให้เหยื่อเกิดความหลงเชื่อ
แต่อยากให้ผู้อ่านได้สังเกตอีกอย่างหนึ่งก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน ก็คือ “ลิงก์เว็บไซต์” ซึ่งเว็บไซต์จริงจะตั้งชื่อให้จำง่ายตรงตามชื่อร้านสามารถจำได้ เช่น Amazon.com, Apple.com, Advice.co.th JIB.co.th นี่คือเว็บไซต์ที่เป็นจริง
ถ้าหากเมื่อใดที่เว็บไซต์มีชื่อลักษณะเช่นนี้ rbdmf.com, salesunglasses07.pw, esnrb.com, ok-rb.top ie88kfp99, ที่อักษรสลับกันมั่วให้คิดเสมอว่านี่คือเว็บไซต์ปลอม
สุดท้ายนี้สามารถสังเกตได้อีกอย่างก็คือ โดเมนเนม (Domain Name) เช่น .com, .co.th, .in.th, advice.co.th bnn.in.thฯลฯ นี่คือของจริงที่ใช้กันทั่วไทย ถ้านอกเหนือจากนี้ เช่น .ABC .ZYX .8ZY ให้พึงระลึกไว้เสมอว่านี่คือลิงก์ปลอมครับ ตามภาพตัวอย่างต่อไปนี้
3. มีรูปแบบไวยากรณ์ที่ผิดและสะกดคำผิด (Frequent Grammar and Spelling Issues) นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรมองข้าม ให้สังเกตดูที่คำพูดการบรรยายภาษา บางครั้งอาจถูกแปลมาเป็นภาษาไทยจากนักต้มตุ๋นชาวต่างชาติก็เป็นได้ ซึ่งการใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ ความถูกต้อง ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือและการเอาใจใส่รายละเอียดต่างๆ
“จุดสังเกต” ถ้าหากเว็บไซต์นั้นๆ ใช้ถ้อยคำที่ไม่ถูกต้อง การเขียนที่ผิด เขียนออกทะเล ไม่มีจุดประสงค์ อธิบายถึงสินค้านั้นๆ ในแบบที่ผิด สิ่งนี้ให้พึงระวังไว้ให้ดีนะครับว่านี่คือเว็บไซต์ปลอม พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ขาดความเอาใจใส่ คล้ายกับสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงนั่นเองครับ
4. รีวิวปลอม (fake review) บางครั้งอาจมีการรีวิวโดยนำสินค้าปลอมมารีวิวแต่คนดูไม่รู้ว่าสินค้าเหล่านั้นเป็นของปลอม เนื่องด้วยปัจจุบันการปลอมสินค้านั้นถ้าไม่สังเกตหรือนำมาเปรียบเทียบกันให้เห็นๆ แทบมองไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นของปลอมอันไหนเป็นของจริง และจุดสังเกตอื่นอีก เช่น
- มีคนแชร์คลิปรีวิวว่าโกง
- มีการพูดถึงในโซเชียลในทิศทางลบ
- มีการร้องเรียน
- การรีวิวสินค้าไม่ตรงปก
- เอาคลิปหรือข้อความการรีวิวของผู้อื่นมาลง (ใส่ลิงก์รีวิวคนอื่น)
ดังนั้นให้เสียเวลาสักนิดในการตรวจเช็กสิ่งเหล่านี้ให้ดีก่อนทุกครั้ง บางทีเข้ามาดูแค่ตัวสินค้ากับราคาเมื่อเกิดความพึงพอใจแล้วสั่งซื้อเลยคุณอาจจะโดนหลอกโดยไม่รู้ตัวครับ
บทความนี้หยิบยกขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักและรู้ทันกลโกงเหล่านี้ เพราะปัจจุบันกลโกงในเว็บไซต์มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การรีวิวไปจนถึงการโจมตีที่เป็นไวรัส หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้อ่าน เพื่อติดตัวไว้เป็นเกราะป้องกันครับ
---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก : thaiware.com