20 ธ.ค. 2565
984
SEO กับ PPC ควรเลือกใช้แบบไหนดี
เชื่อว่ามีหลายคนที่รู้จัก SEO และ PPC ว่าคืออะไร ทำงานอย่าง และควรจะเลือกใช้แบบไหน แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก หรือคนที่กำลังเข้าสู่โลกของการตลาดออนไลน์ ซึ่งไม่เพียงแค่คุณสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาแล้วจะขายสินค้าได้เลย แต่คุณจำเป็นต้องศึกษาการตลาดออนไลน์อย่างละเอียด และรู้จักการใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้เจ็บน้อยที่สุดหลังจากลงทุนไปแล้วนั่นเอง
ฉะนั้นบทความนี้เราจำเป็นที่จะต้องพาผู้อ่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ SEO และ PPC ว่าแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้แบบไหนดีให้เหมาะสมกับธุรกิจของเรา หากคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีไอเดีย ที่จะทำให้การตลาดออนไลน์ของคุณนั้นมีประสิทธิภาพขึ้นได้อีกมากเลยล่ะครับ
SEO : SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine ซึ่งการทำ SEO นั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ SEO Off Page และ SEO On Page
- SEO Off Page จะเป็นการโปรโมทเว็บไซต์ของเราภายในเว็บอื่นๆ โดยมีจุดหมายเพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บเราให้มากขึ้น
- SEO On Page จะเป็นการใช้ทุกสิ่งภายในเว็บของเรา โดยการนำมาทำให้ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหา ซึ่งมีองค์ประกอบอยู่หลายปัจจัยมากๆ
PPC : PPC ย่อมาจาก Pay Per Click คือการทำโฆษณาใน Platform ของ Search Engine แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยคิดเงินต่อคลิก ที่มีคนคลิกเข้าดูโฆษณาของเรา ซึ่งจะไม่มีการจำกัดการมองเห็น และถ้าหากมีคนเห็นโฆษณาของเราแต่ไม่คลิกเข้าไปดู เราจะไม่เสียเงิน โดยจะเสียตามจำนวนที่โดนคลิกเข้าไปดูเท่านั้น!
ข้อดีของ SEO
- หากมองในระยะยาว SEO มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า : ถึงแม้ว่า SEO จะต้องเสียเงินและเวลาเพื่อจ่ายให้กับเอเจนซีหรือฟรีแลนซ์ แต่เครื่องมือสำหรับ SEO ยังคงถูกกว่า PPC ในระยะยาว
- สามารถกำหนดเป้าหมายขั้นตอนต่างๆ ได้ด้วย SEO : ด้วยความเป็น SEO นั้น เราสามารถสร้างเนื้อหาประเภทต่างๆ เช่น บล็อกโพสต์ คู่มือ กรณีศึกษา และอื่นๆ ที่สามารถตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ตรงจุด ที่กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นอยู่ในช่องทางการขาย
- ปริมาณการค้นหามีเสถียรภาพมากขึ้น : หากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ คือ SEO นั้น ไม่มีสวิตช์ปิดหรือเปิด แต่ในทางกลับกัน การตลาดด้วย PPC จะหยุดปรากฏในผลการค้นหาเมื่องบประมาณหมดลง
- Keyword ทั่วไปช่วยสร้างอำนาจของแบรนด์ : การปรากฏอย่างสม่ำเสมอในผลการค้นหาสำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการ จะช่วยสร้างความไว้วางใจและอำนาจในตราสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้
ข้อเสียของ SEO
- อัลกอริทึมของเครื่องมือการค้นหาเปลี่ยนไป
- จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์อยู่อย่างต่อเนื่อง
- ต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญระดับสูงในการทำขั้นตอนนั้นๆ
- ต้องจัดระเบียบเว็บไซต์
- ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน
- keyword เสี่ยงไม่ติดอันดับ
ข้อดีของ PPC
- PPC ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว : เราจะเห็นได้ว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างหลายเดือนในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ แต่การทำแคมเปญ PPC อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการเห็นผลลัพธ์
- โฆษณา PPC จะปรากฏเหนือการจัดอันดับทั่วไปเสมอ : หากเราใช้แคมเปญ PPC สำหรับคีย์เวิร์ดเป้าหมาย เว็บไซต์ของเราจะปรากฏเป็นอันดับแรกในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือการค้นหา โดยการจัดอันดับนี้ทำให้ผู้ชมสังเกตเห็นคุณก่อนเลื่อนดูผลลัพธ์อื่นๆ
- PPC ช่วยระบุกลุ่มเป้าหมายได้ : ในขณะที่ตั้งค่าแคมเปญ PPC เราจะต้องเลือกผู้ที่ต้องการกำหนดเป้าหมายด้วยโฆษณาได้
- สามารถเรียกใช้การทดสอบ A/B บนโฆษณา PPC ได้อย่างรวดเร็ว : ด้วยแคมเปญ PPC เราสามารถเรียกใช้โฆษณาที่แตกต่างกันสองรายการพร้อมกัน เพื่อวัดว่าโฆษณาใดที่ทำให้เกิด Conversion ได้ดีกว่า
ข้อเสียของ PPC
- โฆษณา PPC มีราคาค่อนข้างสูง
- อัตรากำไรที่ต่ำกว่า
- โฆษณา PPC ค้าง หลังจากนั้นไม่นาน
- มีโอกาสที่ User ไม่คลิก (เพราะเห็นว่าเป็นโฆษณา)
SEO และ PPC แบบไหนดีกว่ากัน : หากถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน เราไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากทั้ง 2 อย่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นหากคุณอยากรู้ว่าควรใช้แบบไหนดี โปรดพิจารณาในแต่ละข้อ ดังต่อไปนี้
ควรใช้ SEO เมื่อ…..
- เมื่องบประมาณด้านการตลาดของเรานั้นค่อนข้างจำกัด
- เมื่อต้องการสร้างแบรนด์
- เมื่อต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ในระยะยาวให้สูง
- เมื่อต้องการสร้างเนื้อหาที่เข้าถึงผู้ชมในขั้นตอนต่างๆ ของช่องทางขาย
ควรใช้ PPC เมื่อ…..
- หลักๆ เลยคือเมื่อเราต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
- เมื่อมีผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ และไม่เหมือนใคร
- เมื่อเรากำลังโปรโมตข้อเสนอพิเศษตามช่วงเวลา เช่น การลดราคาช่วงเทศกาล
- เมื่อเราต้องการนำผู้ชมไปที่การขายหรือหน้า Landing Page
มาดูสถิติ SEO กับ PPC
ในส่วนของ SEO
- Google รับผิดชอบมากกว่า 92.47% ของการเข้าชมเว็บทั่วโลก
- 90.63% ของเนื้อหาออนไลน์ได้รับการเข้าชมเป็นศูนย์จาก Google โดยมีเพียง 0.21% เท่านั้นที่ได้รับการเข้าชมมากกว่า 1,000 ครั้งต่อเดือน
- 35.18% ของการค้นหาบนเบราว์เซอร์ของ Google ส่งผลให้มีการคลิกลิงก์ทั่วไปในปี 2020
- 99.2% ของหน้าเว็บไซต์มีลิงก์ย้อนกลับน้อยกว่า 100 รายการ
- Google ประมวลผลการค้นหามากกว่า 5.6 พันล้านรายต่อวัน (หรือการค้นหา 2 ล้านล้านครั้งต่อปี)
- 64% ของนักการตลาดลงทุนอย่างจริงจังกับ SEO
ในส่วนของ PPC
- เครือข่ายดิสเพลย์ของ Google เข้าถึง 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก
- การใช้จ่ายด้านการโฆษณาบนการค้นหาอยู่ที่ 144.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 เมื่อเทียบกับ 58 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563
- มากกว่า https://backlinko.com/ad-blockers-users
- ราคาหนึ่งคลิก (CPC) เฉลี่ยรายเดือนสูงสุดในการโฆษณาบนเครือข่ายการค้นหาของ Google Ads อยู่ในอุตสาหกรรมประกันภัยที่ 18.57 ดอลลาร์ต่อคลิก
- CPC ที่ถูกที่สุดในการโฆษณาบนการค้นหาของ Google Ads อยู่ในอุตสาหกรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ 77 เซนต์ต่อคลิก
- อัตราการคลิกผ่านโฆษณา Facebook เฉลี่ยในทุกอุตสาหกรรมคือ 1.1%
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก : stepstraining.co / blog.sogoodweb.com / blog.hubspot.com